เอเอฟพี / ASTVผู้จัดการ - รัฐสภากรีซลงมติในตอนเช้ามืดวันพฤหัสบดี (16 ก.ค.) เห็นชอบร่างกฎหมายปฏิรูปอย่างเข้มข้นตามข้อเรียกร้องของเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ต้องพึ่งพรรคฝ่ายค้านในการผลักดันมาตรการดังกล่าวจนสำเร็จ
ในการนับคะแนนท้ายสุด พบว่าสมาชิกสภากรีซเห็นชอบมาตรการดังกล่าว 229 เสียง ไม่เห็นขอบ 64 เสียงและงดออกเสียง 6 คน
การผ่านร่างกฎหมายนี้ทางนายกรัฐมนตรีซีปราส ต้องขอบคุณพรรคฝ่ายค้านฝักใฝ่ยุโรปต่างๆ เนื่องจากเหล่า ส.ส.รัฐบาลกลุ่มใหญ่ ในนั้นรวมถึงนายยานิส วาโรฟากิส ประธานรัฐสภา ชอย คอนสแตนติโพลโลว และปานากิโอติส ลาฟาซานิส รัฐมนตรีพลังงาน ยกมือคัดค้านมาตรการดังกล่าว
นายซีปราสยืนยันว่า เขาไม่เห็นด้วยกับแพ็คเก็จข้อตกลงที่เข้มงวดนี้ ที่เรียกร้องให้ขึ้นภาษี ยกเครื่องระบบบำนาญและคำสัญญาแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่เขาบอกว่ากรีซไม่มีทางเลือกอื่น หากต้องการอยู่ในยูโรต่อไป “เราจะไม่คืนคำจากคำมั่นจะต่อสู่เพื่อสิทธิคนทำงานไปจนถึงวาระสุดท้าย มันไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นแต่เราทุกคนต้องแบ่งปันแบกความรับผิดชอบร่วมกัน”
ผลการลงมติครั้งนี้เปิดทางสำหรับการเริ่มต้นเจรจาเงินช่วยเหลือก้อนที่ 3 จากคู่หูยุโรป แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้อนาคตรัฐบาลซ้ายจัดของนายซีปราสตกอยู่ในความไม่แน่นอน หลังพบเห็นความแตกแยกในหมู่สมาชิกพรรค
ภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุกันเมื่อวันจันทร์ (13 ก.ค.) ซีปราสต้องนำมาตรการปฏิรูปสำคัญรวม 6 ประการ อาทิ การลดงบประมาณจ่าย, การขึ้นภาษี และการปฏิรูประบบบำนาญ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภากรีซ และอนุมัติเป็นกฎหมายออกมาภายในวันพุธ (15) ตลอดจนผลักดันให้รัฐสภารับรองแพกเกจเงินกู้ก้อนที่ 3 ทั้งฉบับ เพื่อนำไปยื่นต่อยูโรโซนและเริ่มเปิดเจรจารายละเอียดของเงินกู้ต่อไป
ข้อตกลงหลักการของแพกเกจเงินกู้ก้อนที่ 3 ซึ่งผู้นำยูโรโซนทำไว้กับซีปราสนั้น กรีซจะได้รับเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีเป็นจำนวน 86,000 ล้านยูโร พร้อมคำมั่นจากบรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) ในการเริ่มหารือเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่กรีซภายในวันจันทร์ (13) ซึ่งน่าจะเป็นการปูทางให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อนุมัติเพิ่มสภาพคล่องฉุกเฉินให้แก่แบงก์ต่างๆ ของกรีซ โดยที่ในเวลานี้มีแนวโน้มว่าหากธนาคารต่างๆ ของกรีซไม่ได้รับอัดฉีดเพิ่มเติมจากอีซีบีแล้ว เงินสดที่เหลืออยู่ก็อาจหมดลงในสัปดาห์นี้
ส่วนสิ่งซึ่งซีปราสต้องยอมแลกเปลี่ยน นอกจากการปฏิรูปด้านต่างๆ แล้ว ยังจะต้องยอมนำสินทรัพย์ต่างๆ ของรัฐกรีซรวมเป็นมูลค่า 50,000 ล้านยูโร เป็นต้นว่า ธนาคารของกรีซที่ถูกโอนมาเป็นของรัฐภายหลังการเพิ่มทุน เข้ามาสู่กองทุนทรัสต์ซึ่งรัฐบาลกรีซจะเข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้ สินทรัพย์เหล่านี้ที่สำคัญแล้วจะถูกนำไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้สินให้ลดต่ำลง ถึงแม้บางส่วนคือราว 12,500 ล้านยูโรจะถูกนำไปลงทุนในประเทศกรีซเอง
นอกจากนั้น ซีปราสยังต้องยอมให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีบทบาทอย่างสมบูรณ์ในแพกเกจความช่วยเหลือก้อนที่ 3 หลังจากที่เขาเคยคัดค้านมาโดยตลอด