เอเอฟพี - รัฐบาลเม็กซิโกตั้งรางวัลนำจับ นายโจควิน กัซแมน เจ้าพ่อยาเสพติดเจ้าของฉายา “เอล ชาโป” เป็นจำนวนสูงถึง 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 130 ล้านบาท) และไล่ออกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเรือนจำหลายคนท่ามกลางข้อสงสัยว่าการ์ดมีส่วนช่วยเหลือให้เขาหลบหนีออกจากสถานคุมขังที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศ
มิเกล อังเกล โอโซริโอ ชอง รัฐมนตรีมหาดไทยเม็กซิโกเผยว่านายกัซแมน หายไปจากห้องขังในช่วงค่ำวันเสาร์ (11 ก.ค.) แม้ว่าเขาจะสวมกำไลเฝ้าระวังและมีกล้องวงจรปิดคอยสังเกตการณ์ในห้องขังตลอด 24 ชั่วโมง “นายกัซแมนน่าจะสมคบคิดกับบุคลากรของเรือนจำ ซึ่งหากได้รับการยืนยันมันก็จะเข้าข่ายองค์ประกอบของพฤติกรรมก่อกบฏ”
นายกัซแมน เพิ่งใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำได้เพียง 17 เดือน ก่อนก่อเหตุหลบหนีออกจากเรือนจำเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2011 ปฏิบัติการลูบคมประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา เนียโต และบดบังการเดินทางเยือนฝรั่งเศสของผู้นำรายนี้
โดยคราวนี้หัวหน้าแก๊งยาเสพติดทรงอิทธิพลอย่าง “ซีนาโลอา” หลบหนีออกจากเรือนจำอัลติกลาโน ห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี ไปทางตะวันตกราว 90 กิโลเมตร เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ (11 ก.ค.) ผ่านอุโมงค์ใต้พื้นห้องอาบน้ำภายในห้องขัง
แม้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องขัง แต่โอโซริโอ ชอง ยอมรับว่ามีจุดบอด 2 จุด เพื่อเคารพต่อความเป็นส่วนตัวของนักโทษและสิทธิมนุษยชน และเขาได้จัดการถอดกำไลข้อมือออก ขณะที่อุปกรณ์ติดตามตัวดังกล่าวจะทำงานก็ต่อเมื่ออยู่ภายในเรือนจำเท่านั้น
โอโซริโอ ชอง เผยต่อว่าเขาได้ไล่ออกผู้อำนวยการเรือนจำอัลติกลาโน เช่นเดียวกับหัวหน้าระบบทัณฑสถานของประเทศและผู้ประสานงานอำนวยความสะดวกแก่การสืบสวน
อัยการสูงสุดเผยว่าได้ดำเนินการสอบปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำ 34 คน และนักโทษ 17 คน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหาใคร ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเผยว่าพนักงานเรือนจำระดับต่างๆหลายคน ในนั้นรวมถึงพัศดีเรือนจำ ต้องนอนค้างคืนในแผนกต่อต้านองค์กรอาชญากรรมของสำนักงานอัยการสูงสุด ท่ามกลางข้อสงสัยว่าอาจมีคนในรู้เห็น
นอกจากบุคคลเหล่านั้นแล้ว ทนายความ 2 คนของนายกัซแมน และเจ้าของบ้านที่เป็นปลายทางของอุโมงค์ที่เจ้าพ่อยาเสพติดรายนี้ใช้หลบหนีก็ถูกสอบปากคำเช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็กำลังตามหาทุกคนที่เข้าเยี่ยมเขาระหว่างถูกจองจำ
รัฐบาลปฏิบัติการไล่ล่าครั้งใหญ่ต่อนายกัซแมน หัวหน้าแก๊งยาเสพติดทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศและมีเครือข่ายแผ่ขยายไปทั่วโลก ด้วยทหารและตำรวจกระจายกำลังลาดตระเวณไปตามทางหลวงสายต่างๆ ตามแนวชายแดนและสนามบินทุกแห่ง ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯและชาติเพื่อนบ้านอเมริกากลางก็ให้ความร่วมมือด้วย
รัฐมนตรีมหาดไทยได้ร้องขอชาวเม็กซิโกช่วยเจ้าหน้าที่ตามล่านายกัซแมน โดยเสนอมอบรางวัลนำจับของรัฐบาล 60 ล้านเปโซ(130 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่ารางวัลนำจับหัวหน้าแก๊งยาเสพติดอื่นๆถึง 2 เท่า "จะไม่การหยุดพักไล่ล่าอาชญากรรายนี้" เขากล่าว "จะไม่มีการหยุดพักความพยายามจับตัวเขากลับมา"
ไมค์ วิกิล อดีตหัวหน้าฝ่ายปฏิบัตินานาชาติของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา(DEA) เตือนว่าหากไม่สามารถจับกุมตัว กัซแมน ในเร็ววัน เขาก็อาจหายตัวไปตลอดกาล “หากเขาสามารถหาทางไปถึงซีนาโลอา รัฐบ้านเกิดของเขา และเข้าไปยังแถบพื้นที่ภูเขา มันก็เป็นเรื่องยากที่จะจับตัวเขาได้อีก เพราะว่าเขาจะได้รับการปกป้องจากชาวบ้านท้องถิ่น”
นายกัซแมน ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายตอนเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันเสาร์ (11) ตามเวลาท้องถิ่น โดย เขาเข้าไปยังบริเวณพื้นที่อาบน้ำส่วนตัวโดยไม่กลับออกมาอีกเลย ต่อมาเจ้าหน้าที่พบหลุมลึกขนาด 10 เมตรพร้อมกับบันไดไต่ลงไปอย่างดี โดยหลุมดังกล่าวพาไปยังอุโมงค์ที่มีการติดตั้งทั้งระบบระบายอากาศและแสงสว่างความยาว 1.5 กิโลมตร ทอดยาวไปสิ้นสุดที่บ้านหลังหนึ่งด้านนอกกำแพงเรือนจำ
ทั้งนี้ ด้วยที่มีโครงการวางท่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ระหว่างดำเนินการรอบๆเรือนจำ นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการลักลอบขุดอุโมงค์จึงไม่เป็นที่ผิดสังเกต
หลายมลรัฐในนั้นรวมถึงซีนาโลอามีการจัดตั้งจุดตรวจเข้มข้น โดยที่รัฐปวยปลา ทางภาคกลางของประเทศ บอกว่าได้ใช้เทคโนโลยีเอ็กเรย์ตามด่านเก็บเงินตรวจตรารถยนต์ที่แล่นผ่าน ส่วนทหารของกัวตามาลา ประเทศที่จับกุมนายกัซแมน ครั้งแรกเมื่อปี 1993 ก็ได้ปฏิบัติการพิเศษตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกเช่นกัน
หลังจากถูกจับที่กัวเตมาลาในปี 1993 การแหกคุกครั้งแรกของ เอล ชาโป ได้เกิดขึ้นในปี 2001 ตอนนั้นเขาเล็ดรอดสายตาเจ้าหน้าที่ได้ด้วยการแอบในรถเข็นซักรีด แต่ในที่สุดนาวิกโยธินก็สามารถจับเขากลับมาได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 จากการบุกจู่โจมเข้าจับกุมช่วงก่อนรุ่งสาง ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในเมืองมาซัตลัน รัฐซีนาโลอา