เอเจนซีส์ - มูลค่าการค้าจีนรอบครึ่งปีแรกตกต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาล หวั่นบานปลายถึงตัวเลขจีดีพีและเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม จากการที่มูลค่าการค้าในเดือนมิถุนายนกระเตื้องขึ้นก็บ่งชี้ว่าสถานการณ์อาจเริ่มดีขึ้น
วันจันทร์ (13 ก.ค.) สำนักงานศุลกากรจีนรายงานว่า มูลค่าการค้าสองทางของแดนมังกรในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ลดลง 6.9% อยู่ที่ 1.88 ล้านล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าจีนต้องทำการบ้านหนักขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตตลอดทั้งปีที่ราว 6% ทั้งนี้ ตัวเลข 6% ก็ลดลงจากระดับ 7.5% ที่กำหนดไว้สำหรับปี 2014 โดยตัวเลขจริงในปีที่แล้วทำได้เพียง 3.4% จนกลายเป็นการพลาดเป้าปีที่ 3 ติดต่อกัน
หวง ซ่งผิง โฆษกสำนักงานศุลกากรชี้แจงว่า การที่ราคาของพวกสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำอย่างรุนแรง ได้ฉุดมูลค่าการนำเข้าของจีน ขณะที่ความต้องการที่ซบเซาในตลาดโลกก็เป็นปัจจัยหลักที่กดดันการขยายตัวทางการค้า
เขายังบอกอีกว่า ต้นทุนการส่งออกที่สูงขึ้นบ่อนทำลายความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออก โดยแจกแจงว่า ขณะนี้เงินหยวนแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ทั้งหมด
“ความกดดันขาลงต่อเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ดีมานด์การนำเข้าอ่อนแอลง” หวงสำทับ
สำนักงานศุลกากรยังเผยอีกว่า ยอดนำเข้าเดือนมิถุนายนลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว อยู่ที่ 145,480 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงต่อเนื่องเดือนที่ 8 แต่ลดลงเป็นมูลค่าต่ำสุดของปีนี้ ขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 2.8% เป็น 192,010 ล้านดอลลาร์ หยุดยั้งการลดลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดกัน และส่งให้ยอดเกินดุลการค้าพุ่งขึ้นถึง 47.5% เป็น 46,540 ล้านดอลลาร์
หลุยส์ คูอิจส์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำฮ่องกงของรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ชี้ว่า การค้าของจีนซบเซารุนแรงในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่า ดีมานด์ภายในประเทศจะเข้มแข็งขึ้น และตัวเลขการค้าเดือนมิถุนายนเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งทำให้ทั่วโลกอุ่นใจขึ้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกและเป็นผู้ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกรายใหญ่
ความที่จีนกำลังจะรายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ในวันพุธนี้ (14) ทำให้นักวิเคราะห์บางคนจึงเตือนว่า ตัวเลขการค้าที่ซบเซาอาจเป็นตัวบ่งชี้การเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง และว่า การฟื้นตัวของมูลค่าการค้าในเดือนมิถุนายนอาจไม่ยืนยาว
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์พบว่า จีดีพีจีนในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนอาจอยู่ที่ 6.9% ซึ่งถือเป็นผลงานต่ำสุดนับจากวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ทั้งนี้ ผลของรอยเตอร์เท่ากับผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวเอเอฟพี
สำหรับตลอดทั้งปี 2015 ผลสำรวจของเอเอฟพีชี้ตัวเลขที่ 7% ดีขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อเดือนเมษายนที่อยู่ที่ 6.8% และก็สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลจีน
เศรษฐกิจจีนปีนี้ค่อนข้างมีปัญหา ทั้งการค้า การลงทุน และความต้องการภายในประเทศล้วนชะลอตัว ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอความร้อนแรงลงเช่นเดียวกัน ซ้ำร้ายช่วงหลายสัปดาห์มานี้ตลาดหุ้นยังทรุดดิ่งอย่างรุนแรง
ทางการปักกิ่งพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดดอกเบี้ย 4 ครั้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รวมทั้งลดมูลค่าเงินสดที่แบงก์ต้องกันสำรองเพื่อกระตุ้นการปล่อยกู้
ทว่า นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า จีนยังต้องผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมเพื่อผลักดันการเติบโต รวมถึงออกมาตรการใหม่เพื่อฟื้นเสถียรภาพตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่ตกลงกว่า 30% ในช่วงเวลาไม่ถึง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา