เอเอฟพี – ผู้บัญชาการกองทัพบกของอินโดนีเซียได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในวันนี้ (8) ซึ่งเป็นการแหกประเพณีเดิมที่ปกติแล้วตำแหน่งนี้จะหมุนเวียนกันระหว่างสามเหล่าทัพ และก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของกองทัพบก
พล.อ.กาตอต นูร์มันต์โย สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดกับประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงจาการ์ตา โดยเขาจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน พล.อ.โมเอลโดโค ซึ่งก็เคยเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสในกองทัพบกเช่นกัน
เดิมทีตำแหน่งนี้คาดว่าจะเป็นของผู้บัญชาการทหารอากาศ และการตัดสินใจแต่งตั้ง นูร์มันต์โย ก่อให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับอิทธิพลของกองทัพบกที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากถูกลดทอนอำนาจอย่างมากมายภายหลังการล่มสลายของระบอบเผด็จการภายใต้พล.อ.ซูฮาร์โต เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
“ผมคิดว่าทำตามธรรมเนียมการหมุนเวียนแบบเดิมจะดีกว่า” เฮนดาร์ดี ประธานของกลุ่มสิทธิ Setara Institute กล่าว และเสริมว่า กองทัพบกกำลังได้รับการดูแล “เป็นพิเศษ”
เขากล่าวว่า วิโดโด หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า โจโควี กำลัง “เล่นการเมือง” และพยายามค้ำยันสถานะอันอ่อนแอของเขาด้วยการเข้าหากองทัพบก
การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วของ วิโดโด ผู้นำคนแรกของแดนอิเหนาที่ไม่ใช่พวกอภิสิทธ์ชนทางการเมืองและทหาร ได้เติมเชื้อไฟให้กับความหวังถึงยุคใหม่ในประเทศที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นแห่งนี้ แต่คณะบริหารของเขากลับถูกวิกฤตต่างๆ รุมเร้า และถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบายหลายต่อหลายครั้ง
ผลจาการสิ้นสุดระบอบเผด็จการในปี 1998 และการริเร่มกระบวนการประชาธิปไตย ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทางหารสูญเสียสิทธ์ที่จะได้รับบทบาททางการเมือง และถูกจำกัดบทบาทเหลือเพียงแค่การป้องกันประเทศ
บรรดาผู้นำรายใหม่ๆ ของอินโดนีเซียยังตัดสินใจที่จะหมุนเวียนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูสุดระหว่าง 3 เหล่าทัพ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมีอำนาจมากเกินไป โดยเฉพาะกองทัพบก
แต่แนวทางปฏิบัติดังกล่าวได้ถูก วิโดโด แหกไปแล้ว ด้วยการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพบกเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดติดต่อกันเป็นสมัยที่สอง
ในวันนี้ (8) วิโดโด ยังได้แต่งตั้งพล.อ.ซูติโยโซ นายทหารบกซึ่งปลดเกษียณแล้วเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองคนใหม่ของประเทศ โดยถือเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกรายหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับกองทัพบกมาเนิ่นนาน
การถกเถียงในเรื่องของ นูร์มันต์โย นี้มีขึ้นภายหลังความกังวลเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับอิทธิพลของกองทัพอินโดนีเซียที่เพิ่มมากขึ้นในชีวิตพลเรือน ด้วยการที่กองทัพลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลเพื่อคุ้มกันระบบโครางสร้างพื้นฐานและช่วยปรามปรามยาเสพติด