xs
xsm
sm
md
lg

วันชาติสหรัฐฯ ปูตินส่ง 2 บินรบ Tupolev  TU-95  เลียบฝั่งอะแลสกา – แคลิฟอร์เนียทักทายโอบามา - ต่างประเทศรัสเซียกร้าว “เราพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - ในขณะที่ประชาชนสหรัฐฯรวมไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา กำลังชื่นมื่นกับการฉลองครบรอบ 239 ปีของการก่อตั้งประเทศ แต่ทว่าในเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันเสาร์(4) Tupolev  TU-95  สัญชาติรัสเซีย เครื่องบินรบทิ้งระเบิดระยะไกลที่มีความสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 2 ลำได้บินเฉียดนอกฝั่งรัฐอะแลสกา และในอีก 30 นาทีหลังจากนั้น Tupolev  TU-95  ชุดที่ 2 ได้บินเลียบนอกชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งผลทำให้กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ส่งเครื่งบินรบF-22 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินรบ F-15s บินสกัดทั้ง 2จุดก่อนล่วงล้ำเข้าน่านฟ้าอเมริกา ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ย้ำ “รัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันตัว และชาติพันธมิตร”

ABC News สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(6)ว่า NORAD ศูนย์ควบคุมป้องกันภัยทางอากาศสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินรบ F-22 จำนวน 2 ลำออกไปสกัดเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย Tupolev  TU-95  จำนวน 2 ลำนอกชายฝั่งอะแลสกาในวันที่ 4 กรกฎาคม นี้ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐฯ

จากแถลงการณ์ที่ส่งถึงสื่อสหรัฐฯกล่าวว่า การสกัดเกิดขึ้นในเวลา 10.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นบริเวณนอกชายฝั่งหมู่เกาะ Aleutian Islands  ซึ่งอยู่ภายใต้เขต ADIZ หรือเขตควบคุมการบินของสหรัฐฯ

และหลังจากนั้นในเวลาราว 11.00 น. NORAD ต้องส่งเครื่องบินรบ F-15s ขึ้นบินสกัด Tupolev  TU-95  เครื่องบินรบรัสเซียคู่ที่ 2 ในเวลาต่อมาบริเวณนอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนียกลาง

โดย NORAD ยืนยันว่า ไม่มีเครื่องบินรบรัสเซียสามารถล่วงล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯซึ่งมีระยะห่างจากชายฝั่งไปราว 12 ไมล์ทะเล

อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์ นืวส์ ซึ่งเป็นสื่อแรกที่รายงานในเรื่องนี้ได้แสดงความเห็นว่า ทาง NORAD ไม่ได้ระบุว่า เครื่องบินรบทิ้งระเบิดระยะไกลที่มีความสามารถในการติดหัวรบนิวเคลียร์นั้น ได้ติดอาวุธในขณะบินใกล้ชายฝั่งสหรัฐฯหรือไม่

ABC News รายงานเพิ่มเติมว่า เครื่องบินรบสัญชาติรัสเซียมักบินเฉียดใกล้รัฐอะแลสกาเสมอ แต่น้อยครั้งเมื่อเทียบกับการบินเข้าใกล้ทางชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยในเดือนมิถุนายน 2014 เครื่องบินรบรุ่น Tupolev  TU-95  จำนวน 2 ลำบินห่างชายฝั่งแลิฟอร์เนียเหนือไปราว 50 ไมล์

ด้านกระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ย้ำผ่านการรายงานของแวลู วอล์ก สื่อสหรัฐฯในวันจันทร์(6)ว่า “รัสเซียพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องประเทศ และชาติพันธมิตร” พร้อมกับชี้ว่า กองทัพรัสเซียนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อประเทศใด หรือประชาคมโลก

จากแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้สรุป 2 ปัจจัยใหญ่ที่จะบีบบังคับให้รัสเซียจำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ “จากนโยบายทางการทหารของรัสเซีย ทางสหพันธรัฐรัสเซียยังคงแนวคิดเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่จะสงวนสิทธิ์ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ตาม 2สถานการณ์ กล่าวคือ (1) ตอบโต้ศัตรูจากการจู่โจมที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรืออาวุธทำลายล้างอานุภาพสูงประเภทอื่นต่อรัสเซีย หรือประเทศพันธมิตรของรัสเซีย (2) การกระทำก้าวร้าวต่อรัสเซียด้วยการใช้กำลังทหารและอาวุธสงคราม ที่ทำให้รัสเซียต้องตกอยู่ในอันตราย” Mikhail Ulyanov ผู้อำนวยการแผนกควบคุมอาวุธ และการห้ามการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์รัสเซียภายใต้สังกัดกระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลง

และ Ulyanov ยังระบุจากการรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ สื่อรัสเซีย ว่า “นี่ถือเป็นเรื่องปกติในการปกป้องอธิปไตยประเทศ แต่ไม่ส่งผลต่อการคุกคามต่อประชาคมโลก ทางรัสเซียเพียงต้องการส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้บุกรุกเท่านั้น ซึ่งหากจะมีเกิดขึ้นในอนาคต”

อย่างไรก็ตามแวลู วอล์กตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียเริ่มใช้นโยบายการทหารใหม่ในปลายปี 2014 ซึ่งจากเอกสารระบุว่า ภัยคุกคามแรกๆต่อรัสเซียคือการขยายอิทธิพลของนาโต นอกจากนี้ในเอกสารยังระบุว่า รัสเซียขอสงวนสิทธิในการปกป้องพลเมืองรัสเซียที่อาศัยทั่วโลก และเอกสารชิ้นนี้ยังถูกตีความในโลกตะวันตกว่าเป็น ‘nuclear rhetoric’ ของรัสเซีย

แวลู วอล์กยังรายงานเพิ่มเติมว่า รัสเซียยังประกาศถึงการพัฒนาระบบอำนวยการรบอานุภาพสูงที่มีศักยภาพ "สามารถปิดระดาวเทียมนาโตเหนือชั้นบรรยากาศได้ รวมไปถึงการทำลายจรวดร่อนมิสไซล์แบบนำวิถีอาวุธที่ควบคุมจากระยะไกลของนาโตได้อีกด้วย"

ซึ่ง KRET หรือ หน่วยงานความก้าวหน้าด้านอิเล็กทรอนิกและวิทยุรัสเซียกรุ๊ปได้พัฒนาระบบอาวุธการทหารใหม่ที่มีศักยภาพในการทำลายจรวดร่อนมิสไซล์แบบนำวิถี รวมไปถึงระบบอาวุธนำวิถีโดยเจาะจงเป้าหมาย และที่น่าสนใจที่ว่าคือ ระบบอำนวยการรบที่ได้รับการพัฒนาล่าสุดนี้มีศักยภาพสามารถทำลายระบบวิทยุ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของดาวเทียมของประเทศคู่อริได้

ด้านยูริ มาเยฟสกี (Yuri Mayevsky) รองผู้อำนวยการ KRET ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิตาร์-ทาส สื่อรัสเซียว่า “ระบบยุทโธปกรณ์ใหม่นี้มีเป้าหมายไปที่เครื่องบินรบทิ้งระเบิดระยะไกลทางยุทธวิธีของข้าศึก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ตลอดจนรวมไปถึงทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกวิทยุของระบบดาวเทียมของข้าศึก”

ซึ่งมาเยฟสกีให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ระบบอำนวยการรบใหม่นี้สามารถติดตั้งได้บนยานรบพื้นราบ รวมไปถึงในเครื่องบินรบ และเรือรบ แต่ทว่าจะไม่ติดตั้งในระบบดาวเทียมเพราะเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งทางรัสเซียเคารพกฏนี้อย่างเคร่งครัด”

ส่วนวลาดิมีร์ มิเคเยฟ (Vladimir Mikheyev) ที่ปรึกษารองผู้อำนวยการ KRET แถลงเพิ่มเติมว่า การติดตั้งระบบอำนวยการรบแบบหลากหลายในเรือรบและเครื่องบินรบจะทำงานควบคู่ไปกับระบบต่อต้านขีปนาวุธและเครื่องบิน โดยมิเคเยฟเจาะจงว่า ระบบอาวุธที่ทาง KRET พัฒนาออกมาสำเร็จนั้นสามารถทำลายระบบการสื่อสาร การค้นหาและระบุเป้าหมาย รวมไปถึงอาวุธติดระบบชี้พิกัดของข้าศึกได้อย่างสมบูรณ์

“เทคโนโลยีใหม่นี้จะใช้กับการต่อต้านขีปนาวุธร่อน และการทำลายระบบวิทยุของดาวเทียมโดยเฉพาะ ซึ่งคล้ายกับว่า ระบบอำนวยการรบใหม่นี้สามารถกดปุ่มปิดสวิตการทำงานของยุทโธปกรณ์ข้าศึกได้โดยปริยาย”ปรึกษารองผู้อำนวยการ KRET แถลง

แวลู วอล์กรายงานเพิ่มเติมว่า ในอนาคตอันใกล้ ทางKRET จะเริ่มการทดลองยานรบพื้นราบที่จะถูกใช้เพื่อติดตั้งระบบอำนวยการรบแบบหลากหลายนี้ “การทดลองบนพื้นราบจะมีขึ้นภายในบริเวณห้องแล็ป” และเสริมต่อว่า “ภายในสิ้นปีนี้ จะได้เห็นยานรบพื้นราบวิ่งพ้นจากประตูโรงงานเพื่อเริ่มทดสอบภาคสนามในการทดสอบระยะทางต่อไป”



แผนที่แสดงเขตADIZ หรือเขตควบคุมการบินของสหรัฐฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น