รอยเตอร์ - คะแนนนิยมของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ลดต่ำลงเรื่อยๆ ท่ามกลางความรู้สึกกังขาที่ชาวญี่ปุ่นมีต่อนโยบายเสริมเขี้ยวเล็บกลาโหม ผลสำรวจที่เผยแพร่โดยสื่อเมืองปลาดิบเผยวันนี้ (29 มิ.ย.)
อาเบะ เคยให้คำมั่นกับสหรัฐฯ ว่าจะออกกฎหมายปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการป้องกันประเทศภายในฤดูร้อนปีนี้ แต่สัญญาณความยุ่งยากที่รออยู่ทำให้คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นตัดสินใจยืดสมัยประชุมสภาปัจจุบันออกไปอีก 3 เดือน จนถึงวันที่ 27 กันยายน
ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดยนิกเกอิ และสถานีโทรทัศน์ทีวีโตเกียวพบว่า ระดับความไม่พอใจคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 40% สูงที่สุดนับตั้งแต่ อาเบะ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 ขณะที่กระแสสนับสนุนลดจากเดิม 3 จุดลงมาเหลือเพียง 47%
ผู้ตอบแบบสอบถาม 56% ไม่เห็นด้วยที่ อาเบะ จะแก้ข้อกำหนดสิทธิในการป้องกันตนเองร่วม (collective self-defense) เพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นส่งกองกำลังออกไปช่วยเหลือชาติพันธมิตรที่ถูกโจมตีได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ 70 ปีก่อน
โพลชุดนี้ยังพบว่า ชาวญี่ปุ่น 81% คิดว่ารัฐบาลไม่ได้อธิบายหลักการและเหตุผลของการแก้กฎหมายความมั่นคงอย่างเพียงพอ
ความพยายามของอาเบะที่จะใช้ข้อได้เปรียบจากการกุมเสียงข้างมากในสภาเพื่อแก้กฎหมายความมั่นคงส่อเค้าจะไม่ราบรื่น โดยเมื่อวันเสาร์ (27) พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ได้สั่งปลดหัวหน้าฝ่ายกิจการเยาวชนของพรรค และยังตำหนิ ส.ส.อีก 3 คนอย่างรุนแรงโทษฐานแสดงความคิดเห็นในเชิงลิดรอนเสรีภาพสื่อ
อาเบะซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพียืนยันว่า รัฐบาลส่งเสริมให้สื่อปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเสรี แต่ปฏิเสธที่จะขออภัยแทน ส.ส. ซึ่งแนะให้ภาคธุรกิจถอดโฆษณาออกจากสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
เมื่อต้นเดือนนี้ 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นก็ได้หักหน้าพรรคแอลดีพี โดยระบุว่า ร่างกฎหมายความมั่นคงใหม่มีเนื้อหาละเมิดรัฐธรรมนูญและหลักสันติภาพที่แดนอาทิตย์อุทัยยึดถือมาโดยตลอด ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็มองเช่นนี้
แม้การครองเสียงข้างมากในสภาอาจช่วยให้ อาเบะ ผลักดันร่างกฎหมายได้อย่างสะดวก แต่หากเขาทำเช่นนั้นโดยไม่เปิดโอกาสให้สังคมได้วิพากษ์ถกเถียงอย่างเพียงพออาจส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยม รวมถึงโอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นประธานพรรคแอลดีพีสมัยถัดไปในเดือนกันยายนนี้ด้วย