รอยเตอร์ – คะแนนความนิยมของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นลดลงภายหลังการผ่านชุดร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งอาจเปิดทางให้กองทหารสามารถทำการสู้รบในต่างแดนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามครั้งที่ 2 โพลหลายสำนักที่ถูกตีพิมพ์ในวันนี้ (21) เผย
คะแนนความนิยมของอาเบะร่วงลง 6 เปอร์เซ็นต์จาก 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่คะแนนความไม่เห็นชอบไต่ขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์เป็น 47 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้อ้างจากโพลความคิดเห็นโดยหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันนิกเกอิ
ชุดร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจุดชนวนการประท้วงใหญ่จากพลเมืองทั่วไปและคนอื่นๆ ที่ระบุว่ามันขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพของญี่ปุ่น และอาจทำให้ญี่ปุ่นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งที่นำโดยสหรัฐฯ มันถูกโหวตเป็นกฎหมายเมื่อวันเสาร์ (19)
ความไม่เห็นด้วยกับชุดร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่มีการอธิบายเกี่ยวกับชุดร่างกฎหมายเหล่านี้โดยรัฐบาล โพลนิกเกอิเผย มีเพียง 31 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้
ผลสำรวจในหนังสือพิมพ์รายวัน อาซาฮี ไมนิจิ และโยมิอูริ แสดงให้เห็นว่าคะแนนความนิยมต่อคณะรัฐมนตรีของอาเบะก็ลดลงเช่นกัน และสะท้อนถึงแรงต่อต้านต่อการออกกฎหมายนี้
อย่างไรก็ตาม ความไม่เป็นที่ชื่นชอบของชุดร่างกฎหมายนี้ไม่ได้เป็นสิ่งเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคแกนนำฝ่ายค้านของญี่ปุ่นเลย คะแนนความนิยมสำหรับพรรคประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นจากเดือนที่แล้วเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ นิกเกอิ รายงาน
การผ่านชุดร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับนี้เป็นหลักชัยสำหรับความพยายามของอาเบะที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดที่รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นบังคับใช้กับกองทัพ อาเบะกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุดในนโยบายการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นนับตั้งแต่การสร้างกองทัพหลังสงครามในปี 1954 นั้น เป็นสิ่งจำเป็นในการตอบสนองต่อความท้าทายด้านความมั่นคงใหม่ๆ เช่นความท้าทายจากจีนที่กำลังผงาดขึ้นมา