เอเจนซีส์ – รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมอบเงินฉุกเฉินจำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 117 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือชาวมุสลิมโรฮีนจาจากเมียนมาที่ยังติดค้างอยู่กลางทะเล วันนี้ (20 มิ.ย.) ขณะที่ปัญหาผู้อพยพทางเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ทั่วโลกเฝ้าจับตา
ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้แถลงสุนทรพจน์ในงานเสวนาที่จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยสหประชาชาติในกรุงโตเกียวว่า “ในส่วนของผู้ที่โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ รวมถึงสตรีและเด็กที่พยายามล่องเรือข้ามมหาสมุทรอินเดีย รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะมอบเงินช่วยเหลือ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)”
นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลแดนปลาดิบเสนอความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อบรรเทาวิกฤตมนุษยธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับชาวมุสลิมโรฮีนจา ซึ่งหลบหนีการกดขี่ข่มเหงจากพลเมืองชาวพุทธที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของเมียนมา
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นชี้ว่า เงินช่วยเหลือก้อนนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อจัดหาที่พักอาศัยและบริการด้านสุขภาพให้แก่ชาวโรฮีนจาที่ยังติดค้างอยู่ในเรือประมงนอกน่านน้ำของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลโตเกียวมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กลุ่มประเทศอาเซียนในยามจำเป็น เพื่อส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคนี้
คิชิดะ ได้ให้คำมั่นต่อบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและนักวิชาการซึ่งเข้าร่วมการเสวนาระดับสูงว่าด้วยการเสริมสร้างสันติภาพ ความปรองดองในชาติ และการส่งเสริมประชาธิปไตยในเอเชีย ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงมีบทบาทส่งเสริมสันติภาพในพื้นที่ขัดแย้งส่วนอื่นๆ ของเอเชีย
“ญี่ปุ่นไม่ควรเป็นชาติเดียวที่ได้สัมผัสคุ้นเคยกับคำว่าสันติภาพ เราจะมีสันติภาพที่ยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อผลพวงของสันติภาพและความสัมพันธ์ฉันมิตรได้เผื่อแผ่ไปยังทั่วทั้งภูมิภาค และทั่วโลก”
รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นยังกล่าวเน้นถึงความสำคัญในการรักษาประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และความหลากหลาย “เราต้องสกัดกั้นการแพร่ขยายของลัทธิหัวรุนแรงสุดโต่งในเอเชีย ซึ่งกลุ่มติดอาวุธอย่างเช่น ไอเอส (รัฐอิสลาม) กำลังพยายามเผยแผ่อยู่”
ผู้ที่เข้าร่วมการการเสวนาได้แบ่งปันข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำมา รวมถึงปัญหาท้าทายต่อกระบวนการสร้างสันติภาพและความปรองดองในชาติ โดยยกตัวอย่างกรณีของเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ เมียนมา และกัมพูชา เป็นต้น