เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) ถึงรายงานสอบสวนของตำรวจบัลติมอร์ในเหตุการณ์วันที่ 12 เมษายน 2015 ในขณะที่ เฟรดดี เกรย์ ผู้ต้องสงสัยแอฟริกันวัย 25 ปีอยู่ภายในรถตู้ตำรวจ ซึ่งมีการเปิดเผยจากผู้ต้องสงสัยอีกคนที่ถูกคุมตัวอยู่ในรถตู้คันนี้เช่นกัน “เชื่อว่าเกรย์จงใจพยายามทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกตัวเข้ากับข้างรถอย่างแรงจากเสียงที่ได้ยิน” ที่ถึงแม้ว่าผู้ถูกจับกุมนิรนามรายนี้ที่ถูกขังแยกส่วนกับเกรย์ และไม่มีโอกาสได้เห็นเกรย์เลยก็ตาม ในขณะที่ NBC News สื่อสหรัฐฯ ยังไม่ปักใจเชื่อรายงานลับฉบับนี้ โดยระบุว่าเงื่อนเวลาในการที่เกรย์อยู่ในขั้นโคม่า 1 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิตและการจงใจทำให้ตัวเองบาดเจ็บในขณะจับกุมนั้นขัดแย้ง
วอชิงตันโพสต์ รายงานเมื่อวานนี้ (29) ถึงการให้ปากคำของผู้ถูกจับกุมนิรนามรายหนึ่งในวันที่ 12 เมษายน 2015 ที่นั่งอยู่ในรถตู้ร่วมไปกับเฟรดดี เกรย์ ผิวสีชาวบัลติมอร์ วัย 25 ปี ในรายงานสอบสวนของตำรวจบัลติมอร์ที่คนผู้นี้อ้างว่า เขาได้ยินเสียงเกรย์พยามกระแทกตัวเข้ากับผนังรถตู้อย่างแรง และทำให้ผู้ถูกจับกุมรายนี้ที่ถูกกักตัวในรถตู้คนละส่วนกับเกรย์ และไม่ได้เห็นเกรย์แต่อย่างใดเชื่อว่า เกรย์จงใจพยายามทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ
สื่อสหรัฐฯ ได้เห็นรายงานที่ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการของการสอบสวนของตำรวจบัลติมอร์ ที่มีหมายค้นรวมอยู่ด้วย ซึ่งวอชิงตันโพสต์ชี้ว่ารายงานลับฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยตำรวจสอบสวนบัลติมอร์เปิดเผยให้คนภายนอกรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในรถตู้ตำรวจ แต่ทว่าวอชิงตันโพสต์กล่าวว่า ดูเหมือนจะยังไม่มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติมเพื่อมายืนยันคำกล่าวอ้างของผู้ถูกจับกุมที่ได้ยินเหตุการณ์รายนี้
ในวันที่ 12 เมษายน 2015 เกรย์ วัย 25 ปีถูกพบหมดสติอยู่ภายในรถตู้ตำรวจหลังรถคันนี้ได้มาถึงสถานีตำรวจบัลติมอร์ ซึ่งผู้ถูกจับกุมผิวสีได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณกระดูกต้นคอและเสียชีวิตอีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น และทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงจนกระทั่งทำให้เกิดจลาจลที่มีการเผาและปล้นสะดมขึ้นในวันจันทร์(27) ล่าสุดที่บัลติมอร์ และทำให้เกิดกระแสการประท้วงใหญ่ไปทั่วสหรัฐฯเมื่อวานนี้(29) รวมถึงที่เฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี และนิวยอร์ก ที่ทำให้เกิดมีการจับกุมอย่างป่าเถื่อนที่ย่านไทม์สแควร์ไม่ต่ำกว่า 60 คน
ทั้งนี้ ตำรวจบัลติมอร์เปิดเผยว่า พวกเขาไม่ทราบว่าเกรย์ได้รับบาดเจ็บในช่วงระหว่างที่ถูกคุมตัวในรถตู้ในช่วงเวลา 30 นาที
ในขณะที่รายงานการให้ปากคำรวมอยู่ในเอกสารอนุญาตการตรวจค้นเพื่อยึดเครื่องแบบของหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจบัลติมอร์ที่ปฎิบัติหน้าที่ในการจับกุมเกรย์หรือในระหว่างที่เกรย์อยู่ในรถตู้ แต่ทว่าในรายงานของเจ้าหน้าที่ฉบับนี้ไม่ได้ระบุจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แน่นอนภายในรถตู้ และไม่ระบุด้วยว่าตำรวจได้ยินเสียงเกรย์จงใจกระแทกตัวเข้ากับผนังรถ หรือทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะห้ามเกรย์ หรือให้การปฐมพยาบาลผู้ถูกจับกุมวัย 25 ปีที่จงใจต้องการทำร้ายตนเองหรือไม่ ทั้งนี้ตำรวจบัลติมอร์ระบุเพียงว่า มีผู้ถูกจับกุม 2 คนอยู่ในรถเท่านั้น
ในการแถลงของผู้บัญชาการตำรวจบัลติมอร์ แอนโทนี แบตต์ส เขายอมรับว่ามีความผิดพลาดในการคุมตัวเกรย์เกิดขึ้น ซึ่งมีรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในรถตู้เพิกเฉยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือด้านการแพทย์กับเกรย์ถึงแม้ว่าเขาจะร้องขออย่างต่อเนื่อง และละเลยที่จะจัดให้เกรย์คาดเข็มขัดนิรภัยหรือที่รัดตัวกับเบาะที่นั่งในขณะที่ถูกคุมขังด้านหลังของรถตู้
นอกจากนี้ แบตต์สยังกล่าวถึงเกรย์ในขณะที่เข้าไปในรถตู้ตำรวจว่า เกรย์ยืนได้ด้วยขาเพียงข้างเดียว และเดินเข้าไปในตัวรถด้วยตนเอง
และสื่อสหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่า จากรายงานลับตำรวจระบุว่า เจ้าหน้าที่ผู้ขับรถตู้นั้นทำการหยุดรถถึง 3 ครั้งในขณะขับรถส่งเกรย์และเพื่อผู้ถูกจับกุมนิรนามอีกคนไปยังห้องขัง ซึ่งแบตต์สเปิดเผยว่า รถตู้จอดครั้งแรกเพื่อให้ตำรวจใช้กุญแจมือล่ามขาของเกรย์ไว้ ซึ่งในรายงานการค้นหาหลักฐาน ระบุว่าดูเหมือนว่าเกรย์พยายามขัดขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา
และการหยุดรถตู้ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นอีก 5 นาทีต่อมาหลังจากการหยุดในครั้งแรก และได้มีการตกลงเพื่อตรวจดูเกรย์ที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง ซึ่งตำรวจบัลติมอร์รายงานว่า คนขับรถตู้ตำรวจพบเกรย์นอนอยู่บนพื้นรถตู้ และทำให้ต้องนำตัวเขากลับขึ้นไปนั่งประจำที่ตามเดิมโดยปราศจากการขัดขืนจากเกรย์ ซึ่งในจุดนั้นทางตำรวจบัลติมอร์ยืนยันว่า เกรย์ร้องขอการปฐมพยาบาลฉุกเฉิน
และการหยุดรถครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อทางตำรวจได้นำตัวผู้ถูกจับกุมอีกรายเข้ารถตู้ ที่บุคคลผู้นี้ทำผิดในการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเข้าใกล้บุคคลอื่นที่ร้องขอ และหลังจากนั้นเกรย์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อรถตู้เดินทางไปถึงสถานีตำรวจเขตตะวันตก และเขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งนั้นในวันที่ 19 เมษายน 2015 หรือ 1 สัปดาห์หลังจากการถูกจับกุม
เป็นที่น่าสนใจว่าในหมายค้นนั้นได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบัลติมอร์ที่ปฎิบัติหน้าที่ในขณะนั้น “ไม่ทราบว่าเครื่องแบบในวันที่เกิดเหตุที่สวมนั้นอยู่ที่ใด” ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นต้องร้องขอให้ทางหน่วยงานจัดหา เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกง รองเท้าบูตสีดำชุดใหม่ให้ ซึ่งในเอกสารลับระบุว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่จะพบ DNA ติดตามเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่เหล่านั้น
ในขณะที่สื่อสหรัฐฯ NBC News ได้รายงานเมื่อวานนี้ (29) ว่า มีเงื่อนงำในเงื่อนเวลาที่ขัดแย้งกับรายงานลับตำรวจบัลติมอร์ที่ได้รับการเปิดเผยจากวอชิงตันโพสต์ ซึ่ง NBC News ชี้ว่ารายงานการให้ปากคำนั้นมาจากตำรวจผู้จับกุม ไม่ใช่มาจากผู้ถูกจับกุมนิรนามอีกคนที่ได้ยินเสียง
และ NBC News ยังยืนยันว่า จากการรายงานก่อนหน้านี้ของแหล่งข่าว NBC News พบว่า การเดินทางไปยังสถานีตำรวจบัลติมอร์นั้นค่อนข้างสงบ ซึ่งสื่อสหรัฐฯ รายนี้ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายที่ 2 นั้นขึ้นรถตู้ตำรวจ 5 นาทีสุดท้ายก่อนที่รถจะเดินทางไปถึงสถานีตำรวจเขตตะวันตก ที่แหล่งข่าวของ NBC News คนเดิมได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า เกรย์ได้หมดสติก่อนที่ผู้ต้องสงสัยที่ 2 จะขึ้นรถตู้
โดย NBC News รายงานต่อว่า เฟรดดี เกรย์ อยู่ตามลำพังภายในรถตู้ตำรวจตั้งแต่เวลา 08.42 น. จนถึงเวลา 09.18 น. และในการรายงานเมื่อวานนี้ (29) แหล่งข่าวของ NBC News ได้เปิดเผยเพิ่มเติมล่าสุดในวันพุธ (29) ว่า ในการหยุดรถตู้ครั้งที่ 4 ที่นำตัวผู้ถูกควบคุมตัวคนที่ 2 ขึ้นรถ มีการระบุว่า “ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มองไปที่ด้านของรถตู้ซึ่งเฟรดดี เกรย์ถูกขังอยู่”
จากข้อมูลทั้งหมดของแหล่งข่าวของ NBC News ยืนยันรวมถึงการรายงานที่มีขุดค้นของสื่อแห่งนี้มาตั้งแต่ต้น ทำให้ NBC News สรุปว่า จากความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลของวอชิงตันโพสต์ที่มีที่มาจาก “สถานีตำรวจบัลติมอร์” รวมไปถึงหลักฐานแวดล้อมที่ดูขัดแย้งกัน และไทม์ไลน์สของเหตุการณ์ที่สื่อสหรัฐฯ แห่งนี้สอบสวนมาตั้งแต่เริ่มดูจะขัดแย้งกับการเปิดเผยล่าสุดของวอชิงตันโพสต์
ด้านทนายความประจำครอบครัวเกรย์ชี้ว่า ทางครอบครัวยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าเกรย์ได้ทำร้ายตัวเองในขณะอยู่บนรถ แต่กระนั้นทางครอบครัวไม่ปักใจเชื่อแต่อย่างใดว่าเฟรดดี เกรย์จะทำเช่นนั้น