รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (28 เม.ย.) ประณามเหตุจลาจลในบัลติมอร์ บอกไม่มีคำแก้ตัวใดต่อเหตุความรุนแรง แต่ยอมรับวิกฤตในตำรวจชุมนุมกำลังคลี่ออกมาอย่างช้าๆ โดยเฉพาะวิธีปฏิบัติกับชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน พร้อมเรียกร้องกรมตำรวจทั่วประเทศใช้วิจารณญาณในแนวทางจัดการกับผู้ต้องสงสัยผิวสี
โอบามาบอกว่า เป็นเรื่องสำคัญที่กรมตำรวจต่างๆ ต้องยอมรับว่าพวกเขาบางส่วนมีปัญหาต่อวิธีจัดการกับผู้ต้องสงสัยคดีอาญาที่เป็นคนผิวสี “มีตำรวจบางนายไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง” เขากล่าว พร้อมเผยว่าผู้บัญชาการตำรวจบางส่วนก็ยอมรับว่าพวกเขาจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อแก้ปัญหานี้
“เราไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องของตำรวจ ผมคิดว่ากรมตำรวจทั้งหลายจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณ ผมคิดว่าชุมชนบางแห่งเองก็ควรมีวิจารณญาณ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ มันมีมานานหลายทศวรรษ” เขากล่าว
คำพูดของประธานาธิบดีรายนี้ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นับเป็นถ้อยแถลงต่อสาธารณชนครั้งแรกของเขาที่มีต่อกรณีนายเฟรดดี เกรย์ ชายผิวดำชาวแมรีแลนด์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 เมษายน
เหตุจลาจลปะทุขึ้นหลังจากพิธีศพของเกรย์ ในตอนบ่ายวันจันทร์ (27) ไม่ไกลจากสถานที่จัดพิธี ก่อนจะลุกลามต่อไปทั่วซีกตะวันตกของบัลติมอร์ และพอถึงเวลาเที่ยงคืนก็แผ่ขยายไปที่ย่านตะวันออกของบัลติมอร์ ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งติดกับเขตกลางเมือง ในนั้นรวมถึงการปล้นสะดมและเผาร้านขายยาแห่งหนึ่ง ความรุนแรงที่ดึงให้โอบามาเข้าสู่ประเด็นผิวสีอีกครั้ง
โอบามาระบุว่า เหตุความรุนแรงในบัลติมอร์เบี่ยงเบนความสนใจไปจากประท้วงอย่างสันติและสร้างสรรค์ในวันก่อนๆ ของผู้ชุมนุมที่ดำเนินการในแนวทางที่ถูกต้อง
ในบัลติมอร์ กองทหารอาสารักษาดินแดนกระจายกำลังออกไปตามท้องถนนทั่วเมือง ตามหลังค่ำคืนแห่งการจลาจลปล้นสะดมร้านค้า เผาอาคาร จนตำรวจได้รับบาดเจ็บ 15 นาย และมีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม 200 คน
ลาร์รี โฮแกน ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ เข้าตรวจแถวกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิในวันอังคาร(28 เม.ย.) และประกาศว่าจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อรับประกันว่าเหตุจลาจลเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาในเมืองบัลติมอร์จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก “เราจะไม่อดทนกับความรุนแรง” เธอบอกกับผู้สื่อข่าว ณ จุดตรวจชั่วคราวแห่งหนึ่งที่มีตำรวจปราบจลาจลและเจ้่าหน้าที่ของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิติดอาวุธปืนไรเฟิลจู่โจมประจำการอยู่
มีการประกาศเคอร์ฟิวยามค่ำคืนในบัลติมอร์ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของคืนวันอังคาร (28 เม.ย.) และมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ขณะที่เหล่าผู้นำระดับท้องถิ่นและระดับชาติต่างพากันออกมาวิงวอนขอความสงบ
เกรย์ เสียชีวิตเพราะคอหักระหว่างที่ตำรวจเข้าจับกุมโดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุเมื่อวันที่ 12 เม.ย. อีกทั้งในเวลาที่นำตัวเขาขึ้นรถออกไปจากที่เกิดเหตุ ก็มิได้มีการรัดตัวผู้ต้องหาที่ได้รับบาดเจ็บผู้นี้ให้ถูกต้อง ผลการชันสูตรที่ได้รับการเปิดเผยจากทนายความของครอบครัวผู้เสียชีวิตระบุว่า “กระดูกคอได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 80% กระดูกสันหลังส่วนคอหัก 3 ข้อ และกล่องเสียงเสียหาย”
แม้ได้มีการเปิดการสืบสวนหาสาเหตุที่เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่หลายคนมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุดของกรณีตำรวจกระทำทารุณต้องผู้ต้องสงสัยผิวสี ขณะที่ครอบครัวของเกรย์วิงวอนให้ประชาชนที่เห็นใจชะตากรรมของผู้ตายออกมาชุมนุมโดยสันติ
ในวันอังคาร (28 เม.ย.) คณะอาสาสมัครได้ลงสู่ท้องถนนเพื่อทำความสะอาดเมือง ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งปิดการเรียนการสอนในมาตรการป้องกันไว้ก่อน แม้ชาวบ้านบางส่วนกังวลว่ามันอาจเป็นการเปิดโอกาสให้พวกวัยรุ่นมีเวลาว่างไปก่อเหตุอีก