รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ให้สัญญาวานนี้ (23 เม.ย.) ว่าจะจัดส่งสุดยอดเครื่องบินขับไล่ F-35 แก่อิสราเอลเพื่อดำรงแสนยานุภาพที่เหนือกว่าของรัฐยิวในตะวันออกกลาง และยืนยันว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำกับอิหร่านจะคำนึงถึงความมั่นคงของอิสราเอลเป็นสำคัญ
รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศกลางพิธีรำลึกวันเอกราชอิสราเอลซึ่งจัดโดยสถานทูตยิวว่า สหรัฐฯ จะปกป้องแสนยานุภาพทางทหารที่เหนือชั้นของอิสราเอล (qualitative edge) และเตรียมส่งฝูงบินขับไล่ F-35 ที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรยอดมงกุฎในบรรดาอาวุธที่อเมริกาพัฒนาขึ้นให้แก่อิสราเอลในปีหน้า
“ปีหน้าเราจะส่งเครื่องบินขับไล่ F-35 ซึ่งเป็นรุ่นที่ดีเยี่ยมที่สุดของเราไป ซึ่งจะทำให้อิสราเอลเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่ครอบครองอากาศยานทางทหารชนิดนี้”
การปรากฏตัวของไบเดนในงานนี้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของทำเนียบขาวที่จะลดความขุ่นเคืองใจระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา กับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ในเรื่องนโยบายการทูตตะวันออกกลาง
ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและเทลอาวีฟเริ่มตึงเครียด หลังจากที่เนทันยาฮูเดินทางไปปราศรัยต่อสภาคองเกรสตามคำเชิญของพรรครีพับลิกันเมื่อเดือนที่แล้ว และได้วิจารณ์ความพยายามของโอบามาที่จะบรรลุข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์กับอิหร่าน
ไบเดนย้ำชัดเจนว่า “จะไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้น” ถ้าอิหร่านไม่ยอมรับการตรวจสอบจากนานาชาติ และหากเตหะราน “เล่นตุกติก” สหรัฐฯ ก็พร้อมที่พิจารณาแนวทางตอบโต้ทุกอย่าง
รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยอมรับว่า แม้จะมีความเห็นต่างกันอยู่บ้าง แต่วอชิงตันและยิวยังคง “ปกป้องซึ่งกันและกัน” เสมอ
อิสราเอลได้สั่งซื้อฝูงบินขับไล่ F-35 จำนวน 19 ลำในปี 2010 เป็นมูลค่า 2,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ก็ได้ลงนามในสัญญาสั่งผลิตอากาศยานจากค่ายล็อกฮีดมาร์ตินเพิ่มอีก 14 ลำ คิดเป็นมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงกลาโหมอิสราเอลแถลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า เครื่องบินขับไล่ F-35 สองลำแรกจะถูกส่งมอบแก่รัฐยิวในช่วงปลายปี 2016 และจะได้รับครบจำนวนที่สั่งซื้อภายในปี 2021