เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เทสโก้ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติสหราชอาณาจักร เมื่อวันพุธ (22 เม.ย.) เผยผลประกอบการขาดทุนประจำปีมหาศาลถึง 6,400 ล้านปอนด์ (ราว 3.1 แสนล้านบาท) หนึ่งในตัวเลขขาดทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ 96 ปี ของบริษัท ในขวบปีที่ต้องเผชิญกับมลทินจากกรณีอื้อฉาวตกแต่งบัญชี
กลุ่มธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติอายุุยาวนานกว่า 96 ปี และครองตลาดค้าปลีกสหราชอาณาจักรมายาวนานหลายทศวรรษ ต้องปรับลดมูลค่าธุรกิจลง 7,000 ล้านปอนด์ หลังได้รับความเจ็บปวดท่ามกลางสงครามราคาในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่กระพือขึ้นมาจากความท้าทายของเครือข่ายค้าปลีกอัลดีและลิดล์จากเยอรมนี
ทางบริษัทได้เผยว่าในการขาดทุนครั้งมโหฬารนี้ เป็นผลจากขอบเขตการดำเนินงานในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ตกต่ำ การขาดทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ที่ตกลง ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างที่แทรกเข้ามา และเงินที่ต้องจ่ายเพื่อโปะผลกำไรเกินจริงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หนึ่งปีก่อนหน้านี้ ทางเทสโก้ มีผลกำไรก่อนหักภาษี 2,260 ล้านปอนด์
เดฟ ลูอิส ซีอีโอคนใหม่ของเทสโก้ ดำเนินการขั้นเด็ดขาดด้วยการปิดห้างสรรพสินค้าในเครือกว่า 40 แห่ง ปลดพนักงานและปฏิรูปโครงสร้างบริษัท อย่างไรก็ตาม เขายอมรับในวันพุธ (22 เม.ย.) ว่า ปัญหายุ่งยากจะยังมีอยู่ต่อไป และหนทางในการกลับคืนมานั้นยังอีกยาวไกล
บริษัทแห่งนี้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องแก่บริษัทค้าปลีกคู่แข่งอื่นๆ อย่างเช่น อัลดี และ ลิดล์จากเยอรมนีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แถมยังเผชิญสงครามราคากับเหล่าคู่ปรับในสหราชอาณาจักร และชื่อเสียงต้องมาแปดเปื้อนจากการถูกสืบสวนในเรื่องรายงานตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกเกินจริงไปถึง 263 ล้านปอนด์
เทสโก้บอกว่าทางบริษัทมียอดขาย 69,700 ล้านปอนด์ สำหรับปีงบการเงินปีนี้ ลดลงจากหนึ่งปีก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 70,900 ล้านปอนด์ โดยกำไรจากการค้าซึ่งไม่นับรวมผลกำไรขาดทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดลงสู่ 1,400 ล้านปอนด์ จาก 3,300 ล้านปอนด์ในปีก่อนหน้านี้