เอเอฟพี/ซีเอ็นเอ็น - จอร์แดนอพยพพลเมืองเกือบ 300 คน ส่วนจีนก็ปิดสถานทูตและสถานกงสุล หนีสถานการณ์อันเลวร้ายในเยเมน หลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียระดมโจมตีทางอากาศใส่กบฏฮูตี เพื่อช่วยเหลือประธานาธิบดีอาเบดแรบโบ มานซูร์ ฮาดี เหตุความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากในแต่ละวัน และในวันจันทร์(6เม.ย.) มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อยๆ 50 ศพ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจอร์แดนเปิดเผยว่ามีชาวจอร์แดนกลับจากเยเมนเพิ่มเติมอีก 130 คนในวันจันทร์(6เม.ย.) ด้วยเดินทางทางบกมาจากซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ยอดผู้อพยพรวมอยู่ที่ 287 คนแล้ว "เรากำลังดำเนินการเพื่อรับประกันว่าชาวจอร์แดนทุกคนจะได้รับการอพยพกลับมา"
ในวันที่ 12 ของสงครามทางอากาศที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย มีประเทศต่างๆเพิ่มเติมที่ตะเกียกตะกายพาพลเมืองของตนเองออกจากเยเมน โดยช่างภาพของเอเอฟพี ณ สนามบินกรุงซานา รายงานว่าพบเห็นอากาศยานของอินเดีย 3 ลำและเครื่องบินรัสเซีย 1 ลำ ลงจอดที่เมืองหลวงแห่งนี้ในวันจันทร์(6เม.ย.) เพื่ออพยพพลเมืองออกมา
ส่วนทางการจีน ก็ปิดสถานทูตและสถานกงสุลในเยเมนชั่วคราว สืบเนื่องจากสถานการณ์ความมั่นคงที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรในวันจันทร์(6เม.ย.) หลังจากก่อนหน้านี้เรือรบของจีน 2 ลำได้อพยพพลเมืองชาวจีน 613 คนและชาวต่าวชาติ 279 คน ออกจากประเทศดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพปักกิ่งช่วยเหลือชาติอื่นๆอพยพพลเมืองออกมาระหว่างวิกฤตการณ์ระดับนานาชาติ
เยเมน ซึ่งมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ใกล้เส้นทางเดินเรือหลักและอยู่ติดกับซาอุดีอาระเบีย ดำดิ่งเข้าสู่ความขัดแย้งกลางเมืองหลายฝ่าย นับตั้งแต่กบฏฮูตีซึ่งนับถือชีอะห์ บุกยึดกรุงซานาและพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลาง
กบฏฮูตีกักบริเวณนายฮาดี เมื่อครั้งเข้ายึดเมืองหลวงในเดือนมกราคม แต่เขาหนีออกมาได้ในเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นก็หลบหนีไปยังเมืองเอเดนและประกาศว่าตนเองยังประธานาธิบดีของประเทศ
อย่างไรก็ตามหลังนักรบฮูตีและหน่วยทหารพันธมิตรรุกคืบประมิดเมืองเอเดน กระตุ้นให้ ซาอุดีระเบีย ประเทศที่มีชาวสุหนี่เป็นชนกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีฮาดีและชาติเพื่อนบ้านของเยเมน รวมถึงประเทศอาหรับอื่นๆเข้าแทรกแซงทางทหาร โดยได้เริ่มต้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายพวกกบฏตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
การสู้รบคร่าผู้คนหลายสิบชีวิตในแต่ละวัน โดยในวันจันทร์(6เม.ย.) เฉพาะแค่ในเมืองเอเดนเพียงแห่งเดียว พบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงอย่างน้อย 50 ศพ ขณะที่นับตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและการสู้รบดุเดือดเพิ่งเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าคาดหมายว่ามีผู้คนเสียชีวิตรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 600 ราย นอกจากนี้ยังมีจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บและหลายหมื่นคนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ จนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศร้องขอหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม
