เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กลุ่มญิฮัดรัฐอิสลาม (ไอเอส) เมื่อวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) เผยแพร่คลิปเสียงอ้างอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติตูนิเซีย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน ถือเป็นการโจมตีครั้งร้ายแรงที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในประเทศแอฟริกาเหนือแห่งนี้ในรอบระยะเวลากว่า 1 ทศวรรษ
คลิปเสียงที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ไอเอส บอกว่า “2 อัศวินจากรัฐอิสลาม ติดอาวุธหนักทั้งปืนอัตโนมัติ และระเบิดถล่มเป้าหมายพิพิธภัณฑ์บาร์โด” พร้อมขู่โจมตีเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่พวกคุณเห็น มันเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น” อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันคำกล่าวอ้างของพวกไอเอส
มือปืนอย่างน้อย 2 คน ซึ่งแต่งกายชุดทหาร ได้เปิดฉากยิงเข้าใส่รถทัวร์ 2 คันที่พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาร์โด ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตอาคารรัฐสภาที่มีการรักษาการณ์อย่างแน่นหนา จากนั้นก็ไล่ตามกระหน่ำยิงพวกเขาภายในพิพิธภัณฑ์
ทั้งนี้ ในบรรดาเหยื่อทั้งหมด เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 20 คน และเท่าที่จำแนกได้นั้น เป็นชาวญี่ปุ่น 3 คน, สเปน 2 คน, ฝรั่งเศส 2 คน และเป็นชาวออสเตรเลีย, สตรีชาวอังกฤษ, สตรีชาวเบลเยียม, ชาวโปแลนด์ และชาวอิตาลี อีกชาติละ 1 คน
คำกล่าวอ้างของไอเอสมีขึ้นในขณะที่หน่วยความมั่นคงตูนิเซียและต่างชาติ ยังคงปะติดปะต่อเรื่องราวว่าวัยรุ่นชาวตูนิเซีย 2 คน ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ มีความเกี่ยวกับข้องกับไอเอส หรือ อัลกออิดะห์ภาคพื้นแอฟริกาตะวันตก (Al Qaeda in the Islamic Maghreb) หรือไม่ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นมีร่องรอยว่ามือโจมตีอาจเชื่อมโยงกับไอเอส แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
นักรบ 2 คน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิงเสียชีวิต ได้แก่ ฮาเตม อัล-คัชนาวี กับ ยัสซิน อัล-อาบีดี โดยเฉพาะ นายอาบีดี ที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 2 ฉบับรายงานว่าเคยไปใช้ชีวิตในอิรักและลิเบีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันข้อมูลนี้
ฮาบิบ เอสซิด นายกรัฐมนตรีของตูนิเซีย บอกว่า นายอาบีดี เป็นผู้ที่ถูกทางการเฝ้าติดตามพฤติการณ์อยู่ ทว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมากมาย “เราระบุตัวพวกเขาได้แล้ว และพวกเขาเป็นพวกก่อการร้ายโดยแน่แท้” เขาบอกกับสถานีวิทยุฝรั่งเศสแห่งหนึ่งในวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) แต่ยอมรับว่า “ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาเชื่อมโยงกับกลุ่มใด”
ขณะเดียวกัน ทำเนียบประธานาธิบดี ออกคำแถลงระบุว่า นอกจากคนร้าย 2 คนที่ถูกยิงตายแล้ว กองกำลังความมั่นคงยังสามารถจับกุมบุคคล 4 คน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปฏิบัติการก่อการร้ายคราวนี้ และรวบตัวบุคคลอีก 5 คนซึ่งต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับกลุ่มคนร้ายนี้
ส่วนแหล่งข่าวด้านความมั่นคงบอกกับรอยเตอร์ ว่า สมาชิก 2 ครอบครัวของหนึ่งในมือปืนอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ถูกควบคุมตัว “เราจับกุมพ่อและแม่ของสมาชิกก่อการร้ายฮาเตม อัล-คัชนาวี ที่บ้านของพวกเขา”
ทำเนียบประธานาธิบดี แถลงว่า จะจัดกำลังทหารไปประจำรักษาการณ์ตามท้องถนนสายต่างๆ ในส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยหลังเกิดเหตุโจมตี “หลังจากประชุมกับกองทัพ ท่านประธานาธิบดีตัดสินใจว่าเมืองใหญ่ๆ ควรได้รับการคุ้มครองจากทหาร”
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการโจมตีชาวต่างชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในตูนิเซีย นับแต่ที่มีมือระเบิดฆ่าตัวตายของอัล-กออิดะห์ ก่อเหตุในโบสถ์ยิวบนเกาะดีเจอร์บา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย ในปี 2002