รอยเตอร์ - รัฐสภายูเครนเมื่อวันอังคาร (10 มี.ค.) ลงมติเห็นชอบเสนอการปกครองตนเองอย่างจำกัดแก่กบฏฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันออกของประเทศ แม้มีเสียงคัดค้านจาก ส.ส. บางส่วนที่มองว่ามันอาจเป็นการขยายโอกาสให้พวกกบฏครอบครองภูมิภาคดังกล่าวได้มั่นคงขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ก็ถูกรัสเซียโวยทันที เพราะมันผูกมัดกับการเลือกตั้งที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนไม่มีส่วนร่วม ส่วนกบฏชี้นี่คือแผนนองเลือดครั้งใหม่ของเคียฟ
กฎหมายฉบับนี้จะอนุมัติ “สถานะพิเศษ” แก่ “สาธารณรัฐแห่งประชาชน” ที่อ้างตัวโดยพวกแบ่งแยกดินแดน ตามหลังการทำงานอย่างได้ผลของข้อตกลงสันติภาพในกรุงเบลารุสเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลชาติตะวันตกบอกว่าข้อตกลงที่กรุงมินสก์ยังคงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับคลี่คลายวิกฤตความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,000 ศพอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ด้วยเคียฟยืนยันว่ากฎหมายที่เห็นชอบล่าสุดจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อการเลือกตั้งในดินแดนต่างๆ ทางภาคตะวันออกต้องดำเนินการภายใต้ขอบเขตอำนาจของยูเครนเท่านั้น มันจึงเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัสเซีย ที่เคียฟกล่าวหาว่าเป็นให้การสนับสนุนทั้งทางอาวุธและกำลังพลแก่กบฏในทันที
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวในมอสโกว่า กฎหมายนี้แตกต่างอย่างมากจากข้อตกลงที่กรุงมินสก์ เพาะมันผูกมัดสถานะพิเศษกับการเลือกตั้งซึ่งพวกที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้นำของกบฏไม่ได้เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ เหล่าผู้นำของพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนก็ประณามกฎหมายฉบับนี้เช่นกัน “ทุกคำถามที่รัฐสภายูเครนพิจารณาในวันนี้ ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับข้อตกลงในกรุงมินสก์” อเล็กซี คาร์ยากิน เจ้าหน้าที่ของพวกกบฏให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซีย พร้อมชี้ว่าเคียฟวางแผนนองเลือดครั้งใหม่
เหล่าผู้นำฝักใฝ่ตะวันตกเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายนี้ผ่านรัฐสภาเพื่อแสดงความจริงใจกับตะวันตก ซึ่งให้การสนับสนุนทั้งด้านการเงินและการเมืองที่จำเป็นเพื่อปกป้องไม่ให้ยูเครนแตกสลาย แม้เสี่ยงก่อความแตกแยกในรัฐสภาก็ตาม โดยบอกว่าเพื่อพยายามรักษาแรงสนับสนุนจากตะวันตกต่อความพยายามสันติภาพ แต่บางส่วน ในนั้นรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรียูเลีย ทีโมเชนโก บอกว่า “กฎหมายนี้คือการโหวตรับรองโดยพฤตินัยต่อผู้รุกรานรัสเซียในดอนบาสส์” คำที่ใช้อ้างถึงดินแดนอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออก
การประชุมรัฐสภาครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิง ที่เห็นพ้อง ณ โต๊ะหารืออันประกอบด้วยเหล่าผู้นำยูเครน รัสเซีย เยอรมนีและฝรั่งเศส ที่กรุงมินสก์เมื่อเดือนที่แล้ว ยังคงได้รับการยึดมั่น แม้จะเปราะบางก็ตาม
กองทัพยูเครนเผยว่ามีทหาร 3 นายเสียชีวิตในช่วง 24 ชั่วโมงจนถึงเช้าวันอังคาร (17 มี.ค.) ในเหตุปะทะกับฝ่ายกบฏ ที่พวกเขากล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลง อย่างไรก็ตามหากเทียบกันแล้วในเดือนนี้ถือว่ามีผู้เสียชีวิตน้อยมาก
กฎหมายฉบับนี้มีเจตนาสานต่อความสำเร็จของการหยุดยิงและเงื่อนไขอื่นๆ ในข้อตกลงสันติภาพ ในนั้นรวมถึงการกำหนดให้สองฝ่ายถอนอาวุธหนักออกจากพิสัยของกันและกัน นอกจากนี้แล้วยังอนุมัติการปกครองตนเองอย่างจำกัดแก่ภูมิภาคที่ประสงค์แบ่งแยกตนเองเป็นเวลา 3 ปี และอนุญาตให้กระชับสัมพันธ์กับชาติเพื่อนบ้านอย่างรัสเซีย เช่นเดียวกับยินยอมให้กบฏจัดตั้งกองกำลังตำรวจของตนเอง
อย่างไรก็ตาม คำยืนกรานของยูเครนที่ว่าศึกเลือกตั้งใดๆในดินแดนต่างๆทางภาคตะวันออกต้องจัดภายใต้ขอบเขตอำนาจของยูเครน ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำคัญ เช่นเดียวกับเงื่อนไขที่ว่าจะจัดการเลือกตั้งได้ก็ต่อเมื่อทหารและพวกนักรบรัสเซียถอนกำลังออกจากอาณาเขตของยูเครนเสียก่อน
