เอเอฟพี - วันนี้ (12 ก.พ.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียประกาศว่า ตนและผู้นำฝรั่งเศส, เยอรมนี ตลอดจนยูเครน ได้เห็นพ้องต้องกันให้มีการถอนอาวุธหนักออกจากแนวรบในยูเครน รวมทั้งเห็นตรงกันให้กองกำลังของรัฐบาลเคียฟ กับกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ทางตะวันออกของยูเครนหยุดยิงกันตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
“เราสามารถตกลงกันในประเด็นสำคัญๆ ได้สำเร็จ” ปูตินกล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ กรุงมินสก์ ของเบลารุส ภายหลังการเจรจาอันยืดเยื้อยาวนานตั้งแต่เย็นวานนี้ (11) ปิดฉากลง
ผู้นำแดนหมีขาวกล่าวว่า “เราต่างเห็นพ้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง นับแต่เที่ยงคืนของวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้”
“สำหรับอีกประเด็นที่ผมเชื่อว่า มีความสำคัญมากก็คือการให้ทหารยูเครน กับกบฏในแคว้นดอนบาสถอนอาวุธหนักออกจากเส้นเขตแดน ที่รัฐบาลยูเครนยินยอมให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนมีสิทธิ์ปกครองตนเอง ตามที่เห็นพ้องกันในการเจรจาที่กรุงมินสก์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน”
ปูติน และประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครนระบุว่า เคียฟ และกลุ่มกบฏโปรรัสเซียได้ลงนามอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ฉบับหนึ่ง เพื่อประกาศใช้ข้อตกลง ซึ่งมุ่งยุติวิกฤตสู้รบนาน 10 เดือนในภาคตะวันออก
โปโรเชนโกกล่าวว่า “ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามรับรองเอกสารที่เราร่างขึ้นด้วยความกดดันอย่างสาหัส”
ปูตินชี้แจงว่า พวกเขาเห็นควร “ให้มีการประกาศดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อบังคับใช้ข้อตกลงกรุงมินสก์” ซึ่งหมายถึงถึงข้อตกลงสันติภาพ ที่รัฐบาลยูเครน กับกบฏใฝ่รัสเซียลงนามร่วมกันที่เมืองหลวงของเบลารุส เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทว่า กลับมีการละเมิดข้อตกลงกันอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูตินยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ และการปฏิบัติต่อพื้นที่ซึ่งถูกกบฏยึดครอง ในเขตอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของยูเครน ในฐานะดินแดนที่ได้รับ “สถานะพิเศษ”
รัฐบุรุษของรัสเซียสำทับด้วยว่า “เราเริ่มต้นจากสมมติฐานที่ว่าทุกฝ่ายต้องใช้ความอดทนอดกลั้นในอนาคตอันใกล้ ก่อนที่จะเริ่มต้นหยุดยิง”
นอกจากนี้ เขายังชี้ด้วยว่าเหตุที่การเจรจาสันติภาพในกรุงมินสก์ยืดเยื้อยาวนานถึงเพียงนี้ ก็เพราะยูเครนไม่ต้องการเจรจากับกลุ่มติดอาวุธโดยตรง
“แม้ว่า (กบฏ) จะไม่ได้รับการยอมรับ แต่เราก็ควรคำนึงถึงหลักความเป็นจริงด้วย” ปูตินกล่าวปิดท้าย