รอยเตอร์ - ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติกล่าวโจมตีแผนสันติภาพในยูเครนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเสนอ ชี้เป็น “พิมพ์เขียว” ที่จะเปิดทางให้มอสโกส่งทหารเข้ายึดดินแดนภาคตะวันออกของยูเครนในที่สุด
ซาแมนธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตผู้แทนสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวานนี้ (21) ว่า “แผนนี้จะทำให้การยึดครองดินแดนของกลุ่มกบฏตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ตลอดจนกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียที่ถูกส่งเข้าไปในเขตแดนของยูเครน กลายเป็นเรื่องถูกกฎหมาย”
“ขอให้พวกเราช่วยกันเปิดโปงแผนสันติภาพของปูติน และเรียกมันให้ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นว่า แผนยึดครองดินแดน”
ผู้นำรัสเซียได้เสนอแนวทางต่อประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครนเพื่อยุติเหตุนองเลือดที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว และได้คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 4,800 คน ทว่ามอสโกแถลงล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (18) ว่า ยูเครนไม่ยอมรับข้อเสนอนี้
โฆษกปูตินชี้ว่า รัสเซียได้เสนอแผนหยุดยิงทั้งโดยกองกำลังฝ่ายรัฐบาลยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และให้ทั้งสองฝ่ายถอนอาวุธหนักออกไปจากพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ทูตสหรัฐฯ มองว่า วิธีดังกล่าวเป็นแผนของรัสเซีย “ที่จะปลดเปลื้องพันธสัญญาที่เคยให้ไว้ที่กรุงมินสก์ (เมืองหลวงเบลารุส) ว่าจะถอนกำลังทหารของตนออก และคืนอำนาจควบคุมพรมแดนนานาชาติกลับสู่ยูเครน”
“นี่เป็นอีกครั้งที่ประธานาธิบดีปูตินแสร้งยื่นไมตรีด้วยมือหนึ่ง แต่อีกมือกลับถือขีปนาวุธและรถถัง” เพาเวอร์กล่าว
ด้าน วิทาลี เชอร์คิน เอกอัครราชทูตผู้แทนรัสเซียประจำยูเอ็น ก็ได้กล่าวโทษยูเครนว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงระลอกใหม่ และยืนยันว่ามอสโก “พร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงที่กรุงมินสก์อย่างไม่มีบิดพลิ้ว”
ไรมอนดา เมอร์โมไคเต ทูตลิทัวเนียประจำยูเอ็น กล่าวว่า “เจตนาของรัสเซียที่จะแก้ไขข้อตกลงที่กรุงมินสก์ เพื่อให้การครอบครองดินแดนของพวกกบฏเป็นเรื่องชอบธรรม บ่งบอกชัดเจนแล้วว่า เครมลินสนับสนุนอาชญากรเหล่านั้นอย่างเต็มใจ”
ข้อตกลงที่กรุงมินสก์กำหนดให้มีการถอนนักรบต่างชาติและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากยูเครน ทว่าสัญญาหยุดยิงก็แทบจะไร้ผลในเชิงปฏิบัติมาตั้งแต่ต้น และยังคงมีพลเรือนเสียชีวิตไปอีกหลายร้อยคนในเหตุปะทะซึ่งรัฐบาลยูเครนอ้างว่า มีทหารรัสเซียเข้าร่วมด้วย
ด้านเอกอัครราชทูตอังกฤษ มาร์ก ลีออล แกรนต์ ก็ได้ผสมโรงโจมตีมอสโกอีกแรง โดยกล่าวว่ารัสเซีย “มักปฏิเสธ และให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนอยู่เสมอ” พร้อมเตือนมอสโกให้ยุติการส่งอาวุธเข้าไปช่วยกบฏยูเครนโดยใช้ขบวนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นฉากหน้า
/center>