เอเอฟพี - รัฐบาลไนจีเรียยื่นหนังสือวิงวอนต่อทางการอินโดนีเซียวานนี้ (9 มี.ค.) ให้ละเว้นโทษตายแก่พลเมืองไนจีเรีย 3 คนที่ก่อคดีลักลอบขนยาเสพติดในแดนอิเหนา
อินโดนีเซียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีกฎหมายเอาผิดคดียาเสพติดรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และชาวไนจีเรียทั้ง 3 คนก็เคยยื่นขอความปรานีจากประธานาธิบดีโจโค วิโดโด มาแล้ว แต่ไม่เป็นผล
ดันจูมา เชนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศไนจีเรีย เป็นผู้แทนรัฐบาลยื่นหนังสือวิงวอนขอลดหย่อนโทษผ่านทาง แฮร์รี ปุรวาโต เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำกรุงอาบูจา
“เราทราบดีว่าบทลงโทษสำหรับผู้ลักลอบขนยาเสพติดในประเทศของคุณเป็นอย่างไร แต่เรายังอยากให้บันทึกเอาไว้ก่อน และขอให้คุณและประธานาธิบดีของคุณนึกถึงหลักความเมตตากรุณา” เชนีกล่าวขณะเข้าพบทูตอินโดนีเซีย
รัฐบาลไนจีเรียทราบดีว่า พลเมืองทั้ง 3 คนถูกไต่สวนความผิดตามกระบวนการยุติธรรมของจาการ์ตาแล้ว “และคำขอลดหย่อนโทษของพวกเขาถูกประธานาธิบดีปฏิเสธ” เชนี กล่าว พร้อมระบุว่า หนึ่งในสามผู้ต้องหาที่มีชื่อว่า ราฮีม อักบาเจ ซาลามี ถูกส่งตัวไปยังเกาะแห่งหนึ่ง และอาจจะถูกประหารชีวิตได้ทุกเมื่อ
“เราขอร้องคุณ และขอวิงวอนผ่านคุณไปยังรัฐบาลอินโดนีเซียว่า โทษประหารที่ ซาลามี จะต้องได้รับนั้น ขอให้ผ่อนผันเป็นการจำคุกตลอดชีวิตแทน”
เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียได้รับหนังสือไว้ และสัญญาว่าจะส่งไปให้รัฐบาลที่กรุงจาการ์ตาพิจารณา
นักโทษคดียาเสพติดชาวออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, บราซิล, ฟิลิปปินส์ และกานา ก็กำลังจะถูกประหารชีวิตเช่นกัน แม้ว่ารัฐบาลของทุกชาติจะพยายามกดดันและโน้มน้าวอินโดนีเซียอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตพลเมืองของตนก็ตาม
ไนจีเรียมีประชากรหนาแน่นที่สุดในทวีปแอฟริกา และมีระวางโทษประหารชีวิตเช่นเดียวกัน แต่แทบไม่เคยนำมาใช้จริง การประหารครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2013 เมื่อรัฐอีโดทางตอนใต้ของไนจีเรียแขวนคอกลุ่มนักโทษที่ก่อคดีปล้นฆ่า โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากองค์การนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) และนักสิทธิมนุษยชน