เอเอฟพี – สองผู้นำฝ่ายขัดแย้งของซูดานใต้ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมากว่าหนึ่งปี คณะผู้ไกล่เกลี่ยระบุวานนี้ (6) โดยนับเป็นการพังครืนของการเจรจาสันติภาพครั้งล่าสุดที่อาจนำมาซึ่งมาตรการคว่ำบาตร
นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย ระบุว่า ประธานาธิบดี ซัลวา คีร์ ของซูดานใต้และ รีค มาชาร์ ผู้นำกบฏไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันเส้นตายเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี (5) และกล่าวว่า การเจรจาเมื่อวานนี้ (5) “ไม่ได้มีพัฒนาการที่สำคัญใดๆ ออกมาเลย”
“มันไม่อาจยอมรับได้ ทั้งทางศีลธรรมและการเมือง” ไฮเลมาเรียม เดซาเลน กล่าวในถ้อยแถลงที่ออกโดยองค์การแห่งความร่วมมือส่วนภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกหรือ IGAD ซึ่งพยายามเป็นคนกลางในการเจรจาสันติภาพมามาโดยตลอด
ในถ้อยแถลงของ IGAD ไฮเลมาเรียม ยังได้ตำหนิอย่างรุนแรงต่อ คีร์ และ มาชาร์ ที่เคยเป็นรองประธานาธิบดี สองผู้ซึ่งทำให้อาฆาตส่วนตัววิบัติกลายเป็นการสังหารหมู่ทางเชื้อชาติ , การรุมโทรม , การบังคับให้พลเรือนพลัดถิ่น และผลักไสประเทศนี้สู่ขอบเหวของความอดอยาก
“สงครามที่ดำเนินอยู่นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของพวกคุณที่เป็นประชาชนเลย” เขากล่าว โดยพูดกับประชาชนซูดานใต้ ซึ่งประเทศของพวกเขาเพิ่งได้รับเอกราชจากคาร์ทูมในปี 2011 ภายหลังสงครามอันยาวนานและขมขื่น
“ผมเรียกร้องให้พวกเขามีความกล้าหาญที่จะเสนอการประนีประนอมและทางเลือก แทนที่จะย้ำอยู่แต่จุดยืนเดิม แต่โชคร้ายที่คำร้องขอของเราไม่ได้รับความเอาใจใส่” เขากล่าว
บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า เขา “ผิดหวังอย่างยิ่งยวด” ต่อการที่ข้อตกลงสันติภาพไม่อาจบรรลุได้
บัน กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองไม่อาจ “แสดงให้เห็นถึงความเป็นรับบุรุษ” แต่อย่างไรก็ดี เขาเรียกร้องร้องให้มี “การเจรจายังมีอยู่ต่อไป”
สงครามกลางเมืองของซูดานใต้เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2013 เมื่อ คีร์ กล่าวหา มาชาร์ ซึ่งถูกปลดจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีว่า พยายามก่อรัฐประหาร
กลุ่มติดอาวุธมากกว่า 20 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงทหารรัฐบาลและกองกำลังพันธมิตรที่มีทหารยูกันดาหนุนหลังในฝั่งหนึ่ง และบรรดาฝ่ายกบฏในอีกฝั่งหนึ่ง ทำการต่อสู้รบพุ่งกันเรื่อยมานับตั้งแต่นั้น
ความขัดแย้งดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายหมื่นคน ถูกกวาดล้างกว่า 2 ล้านคน และอีก 2.5 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารอย่างมาก