เอเอฟพี - ตำรวจเกาหลีใต้ประกาศในวันนี้(6) ที่จะสอบสวนคดีเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล มาร์ก ลิปเปิร์ต วัย 42 ปีถูกคิม คีจอง วัย 55 ปี ผู้ประท้วงชาตินิยมเกาหลีใต้ใช้มีดจ้วงฟันที่ใบหน้าและแขนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่าคดีนี้มีเงื่อนงำเกี่ยวโยงกับเกาหลีเหนือหรือไม่ หลังจากที่ล่าสุดเปียงยางแสดงปฎิกริยาว่าสหรัฐฯ “สมควรที่ถูกลงโทษ” และพบว่ามือมีดเดินทางเข้าเกาหลีเหนือหลายสิบครั้งในช่วงปี 2006 - 2007
คิม คีจอง วัย 55 ปี ผู้ประท้วงชาตินิยมเกาหลีใต้มือมีดมีสิทธิที่จะถูกกล่าวหาคดีพยายามฆ่า หลังจากใช้ใบมีดโกน 2 เล่มจ้วงฟันไปที่บริเวณใบหน้าและแขนของมาร์ก ลิปเปิร์ต วัย 42 ปีเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงโซล และส่งผลทำให้ลิปเปิร์ตต้องเข้ารับรักษาพยาบาลในสภาพบาดเจ็บสาหัส และได้รับการเย็บถึง 80 เข็ม
ซึ่งการสอบสวนเกาหลี้ใต้ชี้ว่า มือมีดเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง ซึ่งในความเป็นเลือดชาตินิยมที่ต้องการเห็นสองชาติเกาหลีกลับมารวมชาติอีกครั้งเห็นว่าสหรัฐฯเป็นอุปสรรคสำคัญบนคาบสมุทรเกาหลี แต่ทว่าในการค้นพบล่าสุดชี้ว่า อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับเปียงยาง หลังจากพบว่า คิม คีจอง เดินทางข้ามแดนเข้าไปยังเกาหลีเหนือหลายสิบครั้งในช่วงระหว่างปี 2006-07 รวมถึงพยายามรื้อฟื้นการรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเกาหลีเหนือคิม จองอิลในโซลหลังจากที่ผู้นำเปียงยางถึงแก่อสัญกรรมในปี 2011
หลังจากเกิดเหตุ สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือ ได้เสนอรายงานข่าวสั้นๆ โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “การลงโทษอันชอบธรรม” และเป็น “การแสดงออกซึ่งการต่อต้าน” อย่างหนักแน่นมีเหตุมีผล ที่สะท้อนให้เห็นกระแสคัดค้านของสาธารณชนชาวเกาหลีใต้ ต่อการซ้อมรบร่วมระหว่างโสมขาวกับอเมริกาซึ่งยังคงเดินหน้าต่อไปถึงแม้โสมแดงออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง
ในขณะที่ยุน มึงซุน( Yoon Myung-Soon) หัวหน้าตำรวจเขตส่วนกลางในกรุงโซลรับผิดชอบคดีนี้ในฐานะที่สถานที่เกิดเหตุอยู่ภายใต้เขตรับผิดชอบแถลงว่า “ทางตำรวจจะสืบสวนความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของชายผู้นี้ที่ก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้หรือไม่ แต่ทว่ามาจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ แต่เราจะสอบสวนเพื่อสืบว่าคิม คีจองละเมิดกฎหมายหรือไม่” ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่ากฎหมายที่ถูกนำมาใช้ในปี 1948 เพื่อป้องกันไม่ให้เกาหลีใต้ถูกแทรกซึมโดยคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ประกาศห้ามทั้งการพูดและการเขียนไม่ให้โฆษณา หรือโปรโมทสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะถือว่าเป็นการ “ต่อต้านรัฐ” และจะต้องถูกลงโทษคุมขังเป็นเวลา 7 ปี
ด้านแพทย์ซึ่งทำการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเอกอัคราชทูตสหรัฐฯเปิดเผยว่า ลิปเปิร์ตมีอาการฟื้นตัวดีหลังจากเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลา 2 ชม. 30 นาที และจะตัดไหมแผลที่เย็บในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางเกาหลีใต้จะส่งตำรวจ 4 นายไปคุ้มกันเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ รวมไปถึงอีก 3 นายสำหรับภรรยาทูสสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น. ในวันพฤหัสบดี(5)ตามเวลาท้องถิ่นโซล
ในขณะที่ผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษกให้แก่สภาเกาหลีเพื่อการปรองดองและความร่วมมือ อันเป็นเจ้าภาพงานรับประทานอาหารเช้าและประชุมหารือคราวนี้ ได้แถลงแสดงความเสียใจที่การรักษาความปลอดภัยมีความบกพร่อง
เขาระบุว่า “จู่ๆ ชายผู้นี้ก็กระโดดออกมาจากที่นั่งของเขาในขณะที่กำลังจะเริ่มรับประทานอาหารเช้ากัน” และ “คนอื่นๆ พยายามที่จะหยุดยั้งเขา ทว่าสถานการณ์พลิกผันไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน”
ผู้เห็นเหตุการณ์และตำรวจเล่าว่า คิม คีจองซึ่งสวมชุดเกาหลีโบราณได้ตะโกนเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและใต้รวมประเทศ รวมทั้งต่อต้านการซ้อมรบประจำปีระหว่างโซลกับวอชิงตัน จากนั้นจึงบุกเข้าใช้มีดทำร้ายลิปเปิร์ต
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า คิม คีจองเปิดเผยหลังถูกควบคุมตัวว่ากระทำการโดยลำพัง และเขาเคยร่วมประท้วงเผาธงชาติอเมริกันหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมื่อปี 1985 นอกจากนั้นยอนฮัปยังระบุว่า คิมเคยเดินทางไปเกาหลีเหนือ 6 ครั้งระหว่างปี 2006-2007 รวมทั้งเคยพยายามตั้งอนุสรณ์สถานให้คิม จองอิลในโซล ตอนที่อดีตผู้นำเกาหลีเหนือผู้นี้ถึงแก่อสัญกรรมช่วงปลายปี 2011
คิม คีจอง เป็นสมาชิกของกลุ่มซึ่งเป็นเจ้าภาพของงานประชุมคราวนี้ จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้ดำเนินการกลุ่มนักเคลื่อนไหวกลุ่มเล็กๆ ที่พยายามผลักดันให้รวมชาติกับเกาหลีเหนือ และจัดการประท้วงญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ จากกรณีเกาหลีกับญี่ปุ่นแย่งชิงหมู่เกาะเล็กๆ ที่ฝ่ายเกาหลีเรียกชื่อว่า “ด็อกโด” แต่ญี่ปุ่นเรียกว่า “ทาเคชิมะ”ในภาษาญี่ปุ่น
สำหรับลิปเปิร์ตนั้น เป็นนักการทูตซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในเกาหลีใต้ เขามักทวิตเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของตัวเองในโซล รวมทั้งมีบัญชีทวิตเตอร์สำหรับสุนัขตัวโปรด เมื่อเร็วๆ นี้ภรรยาของเขาเพิ่งคลอดลูกชายซึ่งเขาตั้งชื่อกลางเป็นภาษาเกาหลี
ลิปเปิร์ตเป็นผู้ช่วยด้านนโยบายการต่างประเทศให้โอบามาตั้งแต่ตอนที่โอบามาเป็นวุฒิสมาชิก และทำงานให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานและอิรัก และได้เหรียญเชิดชูเกียรติ “บรอนซ์ สตาร์” นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นประธานคณะทำงานของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ก่อนเดินทางไปรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกรุงโซลเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
