รอยเตอร์ – รัฐบาลเปรูร้องขอให้อาร์เจนตินาส่งตัวนักเคลื่อนไหวกลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) คนหนึ่งกลับมายังกรุงลิมา เพื่อดำเนินคดีฐานทำกิจกรรมที่สร้างความเสียหายต่อลายเส้นโบราณ “นาซกา” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
คณะผู้พิพากษาฝ่ายคดีอาญาแห่งศาลสูงสุดเปรู แถลงวานนี้(26 ก.พ.) ว่า รัฐบาลมีเหตุผลทางกฎหมายหนักแน่นพอที่จะขอให้ทางการอาร์เจนตินาส่งตัว เมาโร เฟอร์นันเดซ ผู้ประสานงานประจำภูมิภาคของกลุ่มกรีซพีซ กลับมายังกรุงลิมา เนื่องจากบุคคลผู้นี้ได้ลักลอบเข้าไปจัดฉากถ่ายภาพภายในเขตโบราณสถานเส้นนาซกาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ภาพลายเส้นโบราณที่ถูกวาดขึ้นใจกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของเปรู มีอายุราวๆ 1,500 ปี
กรีนพีซ ได้ออกมาแถลงขออภัยหลายครั้งต่อการทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนให้ทั่วโลกหันมาใช้พลังงานสะอาดระหว่างที่มีการประชุมสภาพอากาศที่กรุงลิมา แต่ภาพที่ออกมากลับทำให้ชาวเปรูและผู้สนับสนุนมองว่าเป็นการบ่อนทำลายมรดกโลก
นักเคลื่อนไหวกรีนพีซได้นำข้อความตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “Time for change! The future is renewable” ไปติดบนพื้นดินใกล้ๆ กับลายเส้นนาซการูปนกฮัมมิงเบิร์ด
ศาลเปรู ระบุว่า การอนุมัติคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนครั้งนี้พิจารณาจากหลักฐาน รวมถึงคลิปวีดีโอและคำให้การซึ่งล้วนพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่ เฟอร์นันเดซ ทำเป็นการรบกวนพื้นผิวดินบริเวณลายเส้นนกฮัมมิงเบิร์ด
ทั้ง เฟอร์นันเดซ และกรีนพีซยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อคำสั่งศาลเปรู แต่ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มยืนยันว่า นักเคลื่อนไหวไม่ได้แตะต้องลายเส้นโบราณเหล่านั้น ทว่าพื้นดินโดยรอบอาจจะถูกรบกวนบ้างโดยที่พวกเขาไม่ได้เจตนา
อย่างไรก็ตาม ทางการเปรูชี้ว่า รอยเท้าที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกรีนพีซทิ้งเอาไว้ใกล้ๆ กับลายเส้นนาซกา ถือเป็นการ “สร้างความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้”
เฟอร์นันเดซ เคยให้สัมภาษณ์ต่อรายการโทรทัศน์เปรูเมื่อเดือนที่แล้ว โดยยอมรับว่า เขาไม่ทราบมาก่อนว่าเส้นนาซกาซึ่งยูเนสโกประกาศเป็นมรดกโลกจะเปราะบางถึงเพียงนี้ และได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากสำนักงานใหญ่กรีซพีซในเยอรมนีอย่างเคร่งครัด
รัฐบาลเปรูมีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับอาร์เจนตินา แต่ยังไม่แน่ว่าจะสามารถขอตัวนักเคลื่อนไหวจากเยอรมนี, บราซิล และประเทศอื่นๆ ที่มีส่วนในกิจกรรมครั้งนี้กลับมาดำเนินคดีได้หรือไม่
คูมี ไนดู ผู้อำนวยการกลุ่มกรีนพีซ ปฏิเสธที่จะเผยตัวตนของนักเคลื่อนไหวรายอื่นๆ ที่ร่วมกันกระทำผิด
ลายเส้นโบราณซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนจากบนเครื่องบินถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเปรูในยุคก่อนที่จะเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปน ชาวนาซกาโบราณใช้วิธีขุดเอาหินทรายสีแดงบนพื้นผิวทะเลทรายออก เพื่อเปิดให้เห็นชั้นหินสีเหลืองอ่อนที่อยู่เบื้องล่าง โดยไม่มีร่องรอยของการใช้สัตว์ช่วย
จนบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดทราบเหตุผลที่คนโบราณสร้างภาพลายเส้นเหล่านี้ขึ้นมา