เอเอฟพี - ก่อนที่ชายชาวอิหร่านผู้ตั้งตนเป็นอิหม่ามจะควงปืนบุกจับตัวประกันในคาเฟ่กลางนครซิดนีย์ได้เพียงไม่กี่วัน สายด่วนของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติออสเตรเลียได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนเกี่ยวกับชายคนนี้ทั้งหมด 18 ครั้ง แต่ไม่ได้รับเบาะแสว่าจะเกิดเหตุโจมตีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากนั้น ผลการทบทวนที่ถูกนำออกเผยแพร่ในวันนี้ (22 ก.พ.) ระบุ
มาน ฮารอน โมนิส ชายอิหร่านผู้มาพร้อมกับปืนลูกซองแบบโยนลำ (Pump-action shotgun) ได้จับตัวประกัน 17 คนไว้ในคาเฟ่ช็อกโกแลต “ลินดต์” เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปีที่แล้ว
หลังปิดล้อมคาเฟ่ในย่านธุรกิจนาน 17 ชั่วโมง มือปืนได้ลั่นไกสังหาร โทรี จอห์นสัน ผู้จัดการร้านวัย 34 ปี จนจุดประกายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจู่โจมช่วยชีวิตตัวประกัน และวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย ในขณะที่มีทนายหญิงคนหนึ่งในร้านเสียชีวิตเพราะถูกสะเก็ดกระสุนตำรวจ
รัฐบาลได้เปิดเผยผลการทบทวนเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างเป็นทางการในวันนี้ (22) โดยระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 12 ธันวาคม สายด่วนของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติออสเตรเลียได้รับแจ้งทั้งสิ้น 18 ครั้งว่า โมนิสโพสต์ข้อความก้าวร้าวบนเฟซบุ๊กของตนเอง
กระนั้น “ไม่มีสายใดที่โทร.มาร้องเรียนว่า เขามีเจตนา หรือเขียนข้อความขู่ก่อเหตุโจมตีในอนาคตอันใกล้หรือไม่ก็ตาม” ผลการทบทวนชี้ พร้อมทั้งระบุเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ข่าวกรองและตำรวจได้พิจารณาคำร้องเรียนทั้งหมดทั้งมวลแล้ว
ผลการทบทวนยังระบุว่า “ตามข้อมูลที่เรามีในเวลานั้น เขายังไม่เข้าข่ายผู้ต้องสงสัย 400 รายแรก ที่ต้องนำตัวมาสอบสวนในปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้าย”
“เขาเพียงอยู่ในหมู่คนหลายพันคน ที่อาจก่อความยุ่งยากให้แก่ชุมชน”
จนกระทั่งนาทีที่เกิดเหตุจับตัวประกันก็ยังไม่มีหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายใดๆ พบข้อมูลที่ชี้ว่าโมนิสมีเจตนาหรือปรารถนาจะก่อการร้าย
นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย แถลงว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นเรียนรู้จากผลการทบทวนฉบับนี้
ผู้นำแดนจิงโจ้กล่าวว่า โมนิส ที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวหลังถูกตัดสินจำคุกในความผิดหลายกระทง ได้ถูกจับตามองโดยหน่วยงานความมั่นคงจับตามอง ผู้ประเมินว่า เขาไม่ใช่เป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม
“ถ้าให้พูดกันตรงๆ เจ้าปีศาจนี่ไม่ควรเข้ามาอยู่ในชุมชนเรา เขาไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศนี้ เขาไม่ควรได้ประกันตัว เขาไม่ควรมีสิทธิครอบครองปืน และไม่ควรจะถูกปลูกฝังคติหัวรุนแรงด้วย” นายกรัฐมนตรีแอ็บบอตต์กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเปิดเผยผลการทบทวน
ในการแถลง แอ็บบอตต์ และไมค์ เบียร์ด ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ชี้ว่า จากการทบทวน “ไม่พบความล้มเหลวอย่างร้ายแรงด้านข่าวกรอง หรือด้านขั้นตอนการสืบหาเบาะแสว่าอาจเกิดเหตุจับตัวประกัน”
“อย่างไรก็ตาม เราได้ข้อสรุปที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ระบบทั้งหมดฉุดสังคมเราให้ตกต่ำ”
“เขามักจะตกสำรวจในการตรวจสอบทุกขั้นตอน ซึ่งควรจะกระตุ้นให้มีการตรวจสอบให้ครอบคลุมกว่านี้ หรือปฏิเสธคำขอของเขา ในกรณีการขออพยพเข้าออสเตรเลีย ขอสถานะบุคคลผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวร และขอสัญชาติ” เขาควรถูกตั้งข้อหาเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย ... และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
ผลการตรวจสอบพบว่า ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่โมนิสจะลงมือก่อเหตุ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม จนถูกล้างสมองให้มีคติหัวรุนแรงอย่างรวดเร็ว