xs
xsm
sm
md
lg

ผลชันสูตรชี้ตัวประกันหญิงในเหตุมือปืนบุก “คาเฟซิดนีย์” ดับเพราะเศษกระสุน ตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แคทรีนา ดอว์สัน และโทรี จอห์นสัน
เอเอฟพี - หนึ่งในตัวประกันที่ถูกปิดล้อมใน “คาเฟช็อกโกแลต” กลางนครซิดนีย์นาน 16 ชั่วโมง เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เสียชีวิตเพราะถูกเศษกระสุนของตำรวจ ผลการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตในเหตุปะทะระหว่างตำรวจออสเตรเลียกับมือปืนอิสลามิสต์ระบุวันนี้ (29 ม.ค.)

แคทรีนา ดอว์สัน ทนายความวัย 38 ปี ซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสาม เสียชีวิตพร้อมกับ โทรี จอห์นสัน ผู้จัดการร้านคาเฟ “ลินดต์” วัย 34 ปี และมือปืนชาวอิหร่าน มัน ฮารอน โมนิส วัย 50 ปี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกช่วยตัวประกันในคาเฟช็อกโกแลตในย่านธุรกิจ ของซิดนีย์ เมื่อช่วงก่อนรุ่งสางของวันที่ 16 ธันวาคม

เจเรมี กอร์มลี ที่ปรึกษาผู้ให้ความช่วยเหลือในการชันสูตรพลิกศพชี้ว่า “นางดอว์สัน ถูกเศษกระสุนของตำรวจ 6 ชิ้น หรือถูกกระสุนจากฝั่งตำรวจที่พุ่งกระทบของแข็ง กระดอนใส่ร่างกาย”

“ผมจะไม่ให้รายละเอียดว่าดอว์สันได้รับอันตรายอย่างบ้าง แต่ขอเปิดเผยเพียงว่ามีเศษกระสุนชิ้นหนึ่งพุ่งตัดเส้นเลือดใหญ่ เป็นผลให้เธอหมดสติฉับพลัน และเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียงไม่นาน”

ผลการชันสูตรศพของสถาบันนิติเวชรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะไล่เลียงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปิดล้อมคาเฟ ซึงมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันทั้งหมด 17 คน รวมทั้งจะมีการเรียกตัวตำรวจผู้เข้าร่วมปฏิบัติการไปสอบสวน ตลอดจนวิเคราะห์ภูมิหลัง และแรงจูงใจของโมนิส

รัฐบาลกลางออสเตรเลีย และรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสืบสวนปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกัน จะส่งรายงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนที่สถาบันนิติเวชจะนำสิ่งที่ค้นพบในรายงานไปทบทวนอีกครั้ง

เหตุเผชิญหน้าครั้งนั้นได้สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวออสเตรเลีย และมีประชาชนหลายพันคนหลั่งไหลพากันนำช่อดอกไม้ไปไว้อาลัยสองตัวประกันที่เสียชีวิต ณ อนุสรณ์ชั่วคราว ใกล้คาเฟช็อกโกแลตลินดต์
ฮารอน โมนิส มือปืนผู้ก่อเหตุจับตัวประกันในซิดนีย์


ตัวประกันชายถูกมือปืนปลิดชีพ

กอร์มลีระบุว่า ฝ่ายจอห์นสันถูกโมนิสยิงเข้าที่ท้ายทอย ด้วยปืนตัดลำกล้องเพียงไม่นานก่อนที่ตัวประกันหลายคนจะหลบหนีออกมาได้

“จอห์นสันถูกนายโมนิสสั่งให้คุกเข่าลงกับพื้นคาเฟ จากนั้นเพียงอึดใจเดียว นายโมนิสก็ยิงเขาเข้าที่ท้ายทอยโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า” เขาระบุ

“ขณะคนร้ายลั่นไก ปากกระบอกปืนอยู่ห่างจากศีรษะของจอห์นสันราว 75 เซนติเมตร เชื่อว่าจอห์นสันเสียชีวิตทันทีที่ถูกยิง”

กอร์มลีกล่าวว่า ตำรวจหน่วยแม่นปืนคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงจุดประกายให้ตำรวจเปิดฉากปฏิบัติการยุทธวิธีเพื่อบุกเข้าคาเฟ

ตำรวจออสเตรเลียเปิดฉากกราดยิงราว 22 นัด หลังขว้างระเบิดแสง 11 ลูกเข้าไปในร้าน ส่วนโมนิสถูกสังหารด้วยกระสุน 2 นัด ผลการไต่สวนระบุ

“โมนิสถูกกระสุนและเศษกระสุนอย่างน้อย 2 นัดเจาะเข้าที่ศีรษะ และอีก 11 นัดตามร่างกาย ซึ่งน่าจะทำให้เขาเสียชีวิตในทันที” กอร์มลีกล่าว

ในระหว่างการปะทะ โมนิสระดมยิงปืนลูกซองที่เขาพกเข้าคาเฟแห่งนี้ เมื่อเวลา 08.33 น.ของวันที่ 15 ธันวาคม ทั้งหมด 5 นัด แต่นอกจากตัวผู้จัดการร้านลินดต์แล้ว ก็ไม่มีใครถูกกระสุนของโมนิส

การไต่สวนครั้งนี้จะมุ่งประเด็นไปยังคำกล่าวอ้างของโมนิสที่ว่า เขาก่อเหตุโจมตีออสเตรเลียในนามของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) รวมทั้งมุ่งสืบสวนว่า เขามีส่วนพัวพันกับขบวนการก่อการร้ายใดๆ หรือไม่

อย่างไรก็ตาม กอร์มลีตั้งข้อสังเกตว่า “เท่าที่ทราบตอนนี้ดูเหมือนเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับองค์การหัวรุนแรงไอเอส”

เมื่อเดือนกันยายน ออสเตรเลียได้ยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายเป็นระดับสูง และได้เปิดฉากปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้าย ภายหลังที่ได้เบาะแสว่ามี พลเมืองแดนจิงโจ้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปอิรักและซีเรีย เพื่อร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรง “ไอเอส” และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ

ภายหลังเหตุปิดล้อมจับตัวประกันปิดฉากลง ก็เกิดข้อกังขาว่า เหตุใดทางการจึงอนุญาตให้ โมนิส ผู้มีพฤติการณ์เป็นพวกหัวรุนแรง ทั้งยังเคยก่อเหตุรุนแรง สามารถประกันตัวได้ แม้ว่าเขาจะเคยต้องโทษในข้อหาต่างๆ มากมาย เป็นต้นว่า ร่วมกันฆ่าอดีตภรรยาของตัวเอง โดยประเด็นนี้ก็จะถูกตรวจสอบในการไต่สวนเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลีย ไมเคิล บาร์นส์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตรวจสอบแนวทางในการรับมือเหตุมือปืนอิสลามิสต์บุกจับตัวประกัน

นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งให้ตำรวจจากอังกฤษ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการกับเหตุปิดล้อมโจมตีเป็นผู้ตรวจสอบวิธีรับมือวิกฤตตัวประกันซิดนีย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากรัฐอื่นๆ ของออสเตรเลียคอยให้ความช่วยเหลือ

นอกจากนี้ ยังจะมีการสอบปากคำตัวประกันผู้รอดชีวิต รวมทั้งตรวจสอบเสียง และภาพจากกล้องวิดีโอวงจรปิด ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ และรายการโทรศัพท์ ในช่วงที่เกิดการประจันหน้ากัน


กำลังโหลดความคิดเห็น