เอเจนซีส์ – เกิดเหตุคนร้ายถือปืนบุกจี้ตัวประกันภายในคาเฟช็อกโกแลตใจกลางนครซิดนีย์วันนี้(15) โดยมีการนำธงภาษาอาหรับสีขาว-ดำมาโชว์ที่กระจกหน้าต่าง ล่าสุดพบว่ามีตัวประกันวิ่งหนีออกมาจากร้านได้แล้ว 5 รายโดยยังไม่มีผู้บาดเจ็บ ขณะที่ตำรวจซึ่งเข้าปิดล้อมพื้นที่ยังระบุไม่ได้ว่ามีคนติดอยู่ภายในอีกมากน้อยเท่าใด
ตำรวจได้นำกำลังเข้าปิดล้อมคาเฟช็อกโกแลต “ลินดต์” (Lindt) ในย่านมาร์ตินเพลส ขณะที่สถานีโทรทัศน์ต่างๆ เผยแพร่ภาพลูกค้าที่อยู่ในอาการหวาดกลัวถูกบังคับให้ถือธงสัญลักษณ์ที่มีภาษาอาหรับชูไว้ที่หน้าต่าง
เบื้องต้นตำรวจรายงานว่า คนร้ายมีเพียงคนเดียว และยังไม่ระบุจำนวนตัวประกันที่แน่นอน แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าภายในคาเฟ่แห่งนี้น่าจะมีคนอยู่ราวๆ 20-50 คน
“ผมยืนยันได้ว่า มีผู้ถืออาวุธ 1 คนอยู่ภายในอาคารย่านมาร์ตินเพลส และจับตัวประกันไม่ทราบจำนวน” แอนดรูว์ สกิปิโอเน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลงต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวเสริมว่าตำรวจยังไม่สามารถติดต่อกับคนร้าย และไม่อาจยืนยันว่าเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
ภายหลังเหตุการณ์ผ่านไปได้เกือบ 6 ชั่วโมง สถานีโทรทัศน์ได้แพร่ภาพเหตุการณ์ขณะเหยื่อสามารถวิ่งหนีออกมาจากร้านได้ 3 คน โดยดูเหมือนว่าตัวประกันกลุ่มนี้สามารถเล็ดรอดออกมาทางประตูด้านข้างซึ่งมีตำรวจติดอาวุธตรึงกำลังอยู่ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ายังมีผู้ติดอยู่ในร้านเป็นจำนวนเท่าใด
ต่อมาไม่นาน ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีตัวประกันสามารถวิ่งหนีออกมาจากคาเฟได้เพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน และยังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ว่าพวกเขาได้รับการปล่อยตัว หรือว่าหนีออกมาได้เอง
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงคล้ายปืนดังออกมาหลายนัด และหนึ่งในนั้นคือ แพทริก ไบร์น ผู้ผลิตรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ซึ่งมีห้องข่าวอยู่ตรงข้ามคาเฟแห่งนี้พอดี
“พวกเราวิ่งไปที่หน้าต่าง และต้องตกตะลึงเมื่อเห็นคนจำนวนมากยกมือขึ้นแนบกับกระจกหน้าต่างคาเฟ... มันไม่ใช่เรื่องปกติ” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว ออสเตรเลียน บรอดคาสติง คอร์ปอเรชัน
ออสเตรเลียอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุด หลังจากที่รัฐบาลประกาศเตือนว่ามีพลเมืองกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปร่วมต่อสู้กับพวกนักรบญิฮาดในตะวันออกกลางและซีเรีย และอาจจะเดินทางกลับมาก่อเหตุโจมตีในบ้านเกิด
มาร์ตินเพลส เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินของนครซิดนีย์ และเป็นที่ตั้งอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น สำนักงานของ ไมค์ แบร์ด มุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์, ธนาคารกลางออสเตรเลีย (Reserve Bank of Australia), ธนาคารเวสต์แพ็ก และธนาคารคอมมอนเวลธ์
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ได้อ้างข้อมูลจาก เดวิด โร ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคง ซึ่งระบุว่าธงภาษาอาหรับที่ปรากฏในภาพข่าวนั้นไม่ใช่ธงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) และไม่ใช่ของพวกนักรบ ญับฮัต อัล-นุสรา แต่คือ “ธงชาฮาดะห์” ซึ่งเป็นเพียงคำปฏิญาณตนแสดงความศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตมูฮัมหมัดที่ชาวมุสลิมทั่วๆไปกล่าวกัน แม้ที่ผ่านมาธงชนิดนี้จะถูกกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงหลายกลุ่มนำไปใช้ก็ตาม
โฆษกตำรวจหญิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า “ตำรวจกำลังตอบสนองเหตุร้ายใกล้ๆ กับโรงละครโอเปราเฮาส์” แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการจับตัวประกันที่คาเฟช็อกโกแลตลินดต์หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีรายงานการอพยพผู้คนออกจากโรงละครโอเปราเฮาส์หลังพบวัตถุต้องสงสัย
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และแถลงว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นน่ากังวลอย่างยิ่ง แต่ขอให้ชาวออสเตรเลียทุกคนมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกหน่วยงานได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และมีความพร้อมที่จะตอบสนองเหตุการณ์เช่นนี้อย่างมืออาชีพ”
ผู้นำออสเตรเลียกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่าการบุกจี้ตัวประกันในคาเฟช็อกโกแล็ตลินดต์เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ “แต่ก็มีเครื่องบ่งชี้ว่าอาจเป็นไปได้”
เหตุระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่นาที ก่อนที่ตำรวจออสเตรเลียจะประกาศจับกุมชายวัย 25 ปี ในนครซิดนีย์ด้วยข้อหาก่อการร้าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสอบสวนเพื่อสกัดกั้นแผนของพวกอิสลามิสต์ที่หมายก่อเหตุโจมตีบนแผ่นดินจิงโจ้
ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่
ปัจจุบันมีพลเมืองออสเตรเลียมากกว่า 70 คนร่วมต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ในอิรักและซีเรีย และได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 20 คน สร้างความหวาดหวั่นแก่รัฐบาลแคนเบอร์ราว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้กำลังถูกปลูกฝังแนวคิดอิสลามแบบสุดโต่ง และอาจกลับมาก่อเหตุโจมตีในออสเตรเลียซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอน