เอเอฟพี – รัสเซียกล่าวในวันนี้ (19) ว่า ข้อเรียกร้องของยูเครนที่จะให้กองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงที่แทบไม่เหลือความหวังแล้วนั้นแท้จริงมีจุดประสงค์เพื่อทำลายข้อตกลงดังกล่าว
เคียฟเรียกร้องให้มีส่งกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามา หลังจากที่กลุ่มกบฏนิยมรัสเซียเพิกเฉยต่อข้อตกลงหยุดยิงที่มีการบรรลุในกรุงมินสก์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเปิดฉากโจมตีอย่างหนักหน่วงใส่เมืองเดบัลต์เซเวทางตะวันออก บีบให้กองทหารเคียฟต้องถอนกำลังจากศูนย์กลางทางยุทศาสตร์แห่งนี้
วิตาลี เชอร์คิน เอกอัคราชทูตยูเอ็นของรัสเซีย กล่าวว่า การเรียกร้องหากองกำลังรักษาสันติภาพ จากปากประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน มีจุดประสงค์ที่การทำลายข้อตกลงกรุงมินสก์
“เมื่อบางคน ซึ่งแทนที่จะทำสิ่งที่เขาเคยลงนามเอาไว้ ออกมาแนะนำแผนการใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว นั่นทำให้เกิดข้อคลางแคลงว่า เขาต้องการที่จะทำลายข้อตกลงกรุงมินสก์” สำนำข่าว อาร์ไอเอ โนวอสติ ของทางการ รายงานโดยอ้างจากคำพูดของเขา
“หากมีคนออกมาเสนอแผนการใหม่ในทันที คำถามจะเกิดขึ้นว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะได้รับความเคารพหรือไม่”
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารเคียฟและกลุ่มกบฏโปรรัสเซียจะต้องวางอาวุธหยุดยิงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มกบฏละเมิดข้อตกลงดังกล่าวเพื่อที่จะสานต่อการบุกถล่มโจมตีเมืองยุทธศาสตร์เดบัลต์เซเว ศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองโดเนตสก์และลูกันสก์ สองเมืองหลักที่กลุ่มกบฏยึดครองในภาคตะวันออกของยูเครน
ข้อตกลงหยุดยิงนี้ถูกวางให้เป็นบันไดก้าวแรกไปสู่การระงับความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 5,600 ราย นับตั้งแต่มันปะทุขึ้นมาในเดือนเมษายนปี 2014 เป็นเหตุให้เกิดการสู้รบรุนแรงระหว่างกลุ่มกบฏนิยมรัสเซียและกองกำลังของรัฐบาลเคียฟในภาคตะวันออกขอบยูเครน
ยูเครนและประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซีย ซึ่งควบรวมแหลมไครเมียของยูเครนเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ว่าปลุกปลั่นความรุนแรงนี้ด้วยการส่งทหารและอาวุธหนักข้ามพรมแดนมาเพื่อสนับสนุนกลุ่มกบฏ โดยเป็นข้อกล่าวหาซึ่งมอสโกปฏิเสธมาโดยตลอด