รอยเตอร์ - กบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกปฏิเสธที่จะหยุดยิงในเมืองเดบอลต์เซเว (Debaltseve) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดโดเนตสก์ และเป็นจุดที่มีการปะทะกับทหารฝ่ายรัฐบาลอย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าข้อตกลงหยุดยิงใช้ไม่ได้กับเมืองดังกล่าวที่ถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว
เสียงปืนซึ่งดังต่อเนื่องในหลายเมืองทางภาคตะวันออกของยูเครนเงียบสนิทลงเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนของวันเสาร์ (14 ก.พ.) ตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฝ่ายกบฏกับรัฐบาลยูเครนที่ทำขึ้น ณ กรุงมินสก์ โดยมีฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ
อย่างไรก็ดี กบฏนิยมรัสเซียประกาศว่าพวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่เมืองเดบอลต์เซเว ซึ่งมีกองกำลังยูเครนถูกปิดล้อมอยู่ ในขณะที่กองทัพยูเครนก็อ้างว่า ฝ่ายกบฏระดมโจมตีเมืองดังกล่าวอย่างหนักตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ (15)
เอดูอาร์ด บาซูริน ผู้บัญชาการกบฏยูเครน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “แน่นอนเรามีสิทธิ์เปิดฉากยิง (ที่เดบอลต์เซเว) มันเป็นดินแดนของพวกเรา”
“บริเวณนั้นจัดเป็นพื้นที่ภายใน ซึ่งหมายถึงของเรา และภายในก็คือภายใน แต่ในส่วนของพื้นที่แนวหน้าไม่ได้มีการยิงเกิดขึ้น”
กองทัพยูเครนแถลงเมื่อค่ำวานนี้(15)ว่า “พวกศัตรู” ใช้อาวุธหนักหลายประเภทระดมโจมตีเดบอลต์เซเว รวมถึงจรวดแกรด (Grad rocket systems) และยังมีแผนที่จะบุกเข้ายึดเมืองจากทางตะวันตกด้วย
ระหว่างการพูดคุยโทรศัพท์ 4 ฝ่ายกับผู้นำเยอรมนี, ฝรั่งเศส และรัสเซีย ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ระบุว่า จุดยืนของผู้นำทั้ง 4 ประเทศในการเจรจาสันติภาพที่เบลารุสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือการหยุดยิงที่ครอบคลุมพื้นที่แนวหน้าทั้งหมด รวมไปถึงเดบอลต์เซเว
โปโรเชนโกย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายจะต้องยอมถอนอาวุธหนักและเครื่องมือทางทหาร “อย่างสมบูรณ์และปราศจากเงื่อนไข” ตามที่ได้ตกลงกันไว้ที่กรุงมินสก์
องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง เปิดเผยว่า ฝ่ายกบฏไม่ยินยอมให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังเมืองเดบอลต์เซเวซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟที่สำคัญ
ดมิตรี เปสกอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ยืนยันว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่มีการพูดคุยกันสำเร็จเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (12) จะต้องบังคับใช้ “อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ” แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มอสโกเชื่อหรือไม่ว่าเมืองเดบอลต์เซเวอยู่ในข่ายหยุดยิงด้วย
แม้ฝ่ายกบฏจะอ้างว่าเมืองเดบอลต์เซเวอยู่ภายใต้การปิดล้อมแล้วอย่างสมบูรณ์ แต่กองทัพยูเครนยืนยันว่าทหารยังสามารถรักษาเส้นทางลำเลียงเอาไว้ได้ ท่ามกลางการยิงถล่มของกลุ่มกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซีย