รอยเตอร์/เอเอฟพี - กองกำลังยูเครนและกบฏนิยมรัสเซียปะทะกันอย่างดุเดือดทางภาคตะวันออกของประเทศในวันศุกร์(13ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย เพียง 1 วันหลังจากสองฝ่ายเพิ่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ที่มีเยอรมนีและฝรั่งเศสเป็นคนกลาง
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวการหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอาทิตย์(15) เป็นต้นไป ครอบคลุมถึงการถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้าไปเป็นระยะทาง 50 ถึง 140 กิโลเมตร หลังจากอาวุธเหล่านี้คือต้นตอการตายของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากทั้งหมดกว่า 5,000 ศพในความขัดแย้งเริ่มปะทุขึ้นมาราว 1 ปีก่อน
เคียฟอ้างว่าฝ่ายกบฏฝักใฝ่มอสโกได้เสริมกำลังทั่วพื้นที่ยึดครองนับตั้งแต่บรรลุข้อตกลงหยุดยิง และต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหากันว่าเป็นคนสังหารพลเรือน โดยพวกแบ่งแยกดินแดนและเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนเผยในวันศุกร์(13ก.พ.) ว่ามีประชาชน 7 คนเสียชีวิตในพื้นที่ขัดแย้งช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่กองทัพยูเครน บอกว่าสูญเสียกำลังพลไปทั้งหมด 11 นายและบาดเจ็บ 40 นาย
พวกกบฏกล่าวหากองกำลังยูเครนว่าระดมยิงปืนใหญ่ถล่มเมืองฮอร์ลิฟกาและเมืองโดเนตสก์ ป้อมปราการของพวกเขา โดยที่ฮอร์ลิฟกา ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนอ้างบนเว็บไซต์ว่ามีเด็กเสียชีวิต 3 ราย
ผู้สื่อข่าวเอเอฟฟีรายงานว่าได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นรอบนอกเมืองโดเนตสก์และพบเห็นกลุ่มควันทะมึนลอยพวยพุ่งเหนือแถบชานเมือง นอกจากนี้ยังเห็นกองทัพยูเครนระดมยิงจากถนนเส้นหนึ่งที่เชื่อมระหว่างเมืองครามาตอรสก์ ที่เคียฟควบคุมอยู่กับเมืองโดเนตสก์ โดยนักรบกบฏ ณ จุดตรวจแห่งหนึ่งใกล้โดเนตสก์ บอกว่าพวกเขาถูกกระหน่ำยิงด้วยปืนครกเป็นชุด และเย้ยหยันข้อตกลงหยุดยิงที่กำลังมีผลบังคับใช้ว่า "มันเป็นการหยุดยิงแบบไหนกัน อย่าพูดให้ขำนักเลย นี่เป็นการหยุดยิงครั้งที่ 2 หรือ 3 แล้ว"
ผู้นำของรัสเซีย, ยูเครน, ฝรั่งเศส, และเยอรมนี เจรจามาราธอนข้ามคืน 16 ชั่วโมงที่กรุงมินสก์, เบลารุส จนกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงตอนกลางวันของวันพฤหัสบดี (12 ก.พ.) และออกมาแถลงว่าสามารถบรรลุข้อตกลงที่ให้มีการหยุดยิงในยูเครนตะวันออก ทว่าผ่านไปแค่อึดใจเดียวมันก็ถูกบดบังจากการปะทะอันดุเดือดเสียแล้ว
อีกจุดหนึ่งที่มีการปะทะกันหนักหน่วงก็คือรอบๆเดบอลต์เซฟ เมืองชุมทางรถไฟที่เชื่อระหว่าง 2 พื้นที่หลักของฝ่ายกบฏ โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนใช้จรวดและปืนใหญ่โจมตีกองกำลังรัฐบาลที่ยึดครองเมืองไทย "พวกกบฏจู่โจมป้อมปราการและฐานที่มั่นของกองกำลังยูเครนหลายรอบทั้งในและรอบๆเดบอลต์เซฟ ทั้งยิงปืนใหญ่ ปืนครกและจรวด" โฆษกกองทัพยูเครนกล่าว แต่ยืนยันว่ากองกำลังรัฐบาลยังรักษาฐานที่มั่นต่างๆเอาไว้ได้
เมื่อวันพฤหัสบดี(12ก.พ.) นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี บรรยายข้อตกลงกับรัสเซียเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่เตือนว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้องเคารพข้อผูกมัดนี้
ข้อตกลงใหม่คราวนี้กำหนดให้จัดตั้งเขตพื้นที่กันชนขึ้นมา ด้วยการให้ทั้งสองฝ่ายเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ขนาดหนักและระบบขีปนาวุธ ถอยหลังออกจากแนวหน้า ขณะเดียวกันก็มีจะการปฏิรูปรัฐธรรมนูญเพื่อให้ภาคตะวันออกของยูเครนมีอำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้น
ฝ่ายกบฏรุกคืบเข้ามากว่าข้อตกลงหยุดยิงเดิมก่อนหน้านี้ที่เห็นพ้องเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล่ว ดังนั้นในข้อตกลงใหม่จึงกำหนดให้พวกเขาถอนอาวุธกลับไป 75 กิโลเมตร ส่วนยูเครนจะถอยกลับมา 25 กิโลเมตร นำมาซึ่งพื้นที่แนวกันชนรัศมี 50 กิโลเมตร ซึ่งคาดหมายว่าจะอยู่ภายใต้การตรวจตราขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป
