เอเอฟพี/รอยเตอร์ - สหภาพยุโรป(อียู) เมื่อวันอังคาร(17ก.พ.) เรียกร้องเคียฟและฝ่ายกบฏ สองคู่ขัดแย้งถอนอาวุธหนักออกแนวหน้าทางภาคตะวันออกของยูเครนในทันทีและแสดงความกังวลต่อเหตุปะทะกันอย่างดุเดือดในเมืองที่จุดเป็นล่อแหลมแห่งหนึ่งซึ่งส่อแววว่าจะกัดเซาะข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่เพิ่งมีผลบังคับใช้
"เราเรียกร้องอีกครั้งถึงความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องยึดมั่นอย่างเคร่งขัดต่อเงื่อนไขต่างๆของข้อตกลงที่ลงนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และดำเนินมาตรการต่างๆโดยปราศจากการล่าช้าใดๆ" แคเทอรีน เรย์ โฆษกคณกรรมาธิการยุโรปแถลงสั้นๆกับสื่อมวลชน
"กองกำลังยูเครนและฝ่ายกบฏนิยมรัสเซียต้องหยุดปฏิบัติการทางทหารใดๆและเริ่มต้นถอนอาวุธหนักในวันนี้" เธอกล่าวโดยอ้างถึงเงื่อนไขสำคัญของข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามเมื่อสัปดาห์ก่อน "เรายังคงกังวลต่อกรณีที่ยังมีการสู้รบทั้งในและรอบๆเดบัลต์เซเว" โฆษกรายนี้ระบุ หลังจากมีเหตุปะทะบนท้องถนนเป็นครั้งแรกในเมืองทางภาคตะวันออกของยูเครนแห่งนี้
นอกจากนี้ทางอียู ยังกังวลว่าปฏิบัติการสังเกตการณ์ของเหล่าเจ้าหน้าที่จากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป(OSCE)กำลังจะพบอุปสรรคสำคัญ หลังจากคณะทำงานถูกปัดไม่ให้เข้าไปยังเมืองเดบัลต์เซเว
ข้อวิตกของทางอียู มีขึ้นหลังจากฝ่ายกบฏนิยมรัสเซีย ระดมยิงด้วยระเบิดถล่มกองกำลังรัฐบาลที่เมืองเดบัลต์เซเวในวันอังคาร(17ก.พ.) ขณะที่แผนให้สองฝ่ายถอนอาวุธหนักออกจากแถวหน้ามีอันต้องหยุดชะงักและผลักให้ข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางใกล้ที่จะพังครืนแล้ว
ผู้เห็นเหตุการณ์ใกล้แนวรบแถวหน้า เล่าว่าพบเห็นกระสุนปืนใหญ่สั่นสะเทือนเมืองเดบัลต์เซเวในทุกๆ 5 วินาทีและจากนั้นก็จะมีกลุ่ควันสีดำลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้ข้อตกลงหยุดยิงจะช่วยบรรเทาการสู้รบในหลายพื้นที่นับตั้งแต่ข้อตกลงที่มีสหภาพยุโรปเป็นคนกลางมีผลบังคับใช้เมื่อตอนเที่ยงคืนวันจันทร์(16ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น
ฝ่ายกบฏอ้างว่าพวกเขาสามารถยึดบางส่วนของเดบัลต์เซเว เมืองชุมทางรถไฟอันสำคัญเอาไว้ได้ และมีทหารยูเครนบางนายยอมจำนน แต่เคียฟปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ "ณ เวลานี้มีการปะทะกันดุเดือดบริเวณชานเมือง มีการปะทะที่สถานี แต่กองกำลังของเรายังยึดที่มั่นไว้ได้และพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเปิดฉากยิงตอบโต้" อังดรีย์ ลีเซนโก โฆษกกองทัพยูเครนกล่าว
มีความคาดหวังระดับต่ำอยู่แล้วว่าข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว(12ก.พ.) จะช่วยยุติความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,500 ศพ หลังจากการรุกคืบของฝ่ายกบฏได้ทำลายข้อตกลงหยุดยิงก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคม แต่เหตุปะทะหนักหน่วงที่เดบัลต์เซเว เป็นอะไรที่ไม่ได้คาดหมายไว้และก่อความกังวลอย่างสูงในเคียฟกับชาติตะวันตกว่าพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ต้องการผนึกการรุกคืบของฝ่ายกบฏระลอกล่าสุดให้มั่นคงที่สุด แล้วค่อยยึดมั่นข้อตกลงสันติภาพ
คาดหมายว่าคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป จะสามารถเข้าถึงเมืองเดบัลต์เซเว หลังจากเยอรมนีบอกว่าได้บรรลุข้อตกลงกับผู้นำรัสเซียและยูเครน ที่ให้การรับรองว่าจะเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปยังดินแดนยุทธศาสตร์แห่งนี้อย่างอิสระ
แต่ดูเหมือนว่าสองฝ่ายคู่ขัดแย้งจะแสร้งทำเป็นคนหูหนวกต่อข้อเรียกร้องสันติภาพและถอนอาวุธหนักครั้งใหม่ของเยอรมนี ตามข้อตกลงสันติภาพที่บรรลุกันในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
"เราไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น(หยุดการสู้รบที่เดบัลต์เซเว )" ตัวแทนระดับอาวุโสของฝ่ายกบฏกล่าว พร้อมตั้งเป้าทำลายที่มั่นการสู้รบของฝ่ายศัตรู ส่วนกองทัพยูเครนก็ย้ำว่าจะไม่ถอนอาวุธหนักออกมาจนกว่าจะมีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ "ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังมีการยิง ดังนั้นจึงยังไม่มีการหยุดยิง ดังนั้นจึงไม่มีเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการถอนอาวุธหนัก" โฆษกล่าว