เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ก.พ.) มีมติที่มีเป้าหมายปิดกั้นเส้นทางรายได้ของพวกนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ผ่านการลอบขายน้ำมัน โบราณวัตถุและเรียกร้องนานาชาติอย่าจ่ายเงินค่าไถ่ตามคำข่มขู่ของพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้
มติอย่างเป็นเอกฉันท์ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจนานาชาติในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของพวกรัฐอิสลามซึ่งบุกยึดพื้นที่อันกว้างขวางคร่อมดินแดนซีเรียและอิรัก
มตรการนี้เรียกร้องให้ลงโทษบุคคลหรือองค์กรใดก็ตามที่ซื้อขายน้ำมันกับไอเอสและเครือข่ายต่างๆ ของอัลกออิดะห์ อย่างเช่น กลุ่มอัล-นุสรา ฟรอนต์ ในซีเรีย นอกจากนี้ทางคณะมนตรีฯยังขอให้สมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศ ใช้มาตรการต่างๆที่เหมาะสมในการป้องกันการค้าขายทรัพย์สินทางวัฒนธรรมจากอิรักและซีเรียด้วย
ขณะเดียวกัน มตินี้ยังเตือนรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกว่าพวกเขาต้องขัดขวางไม่ให้พวกก่อการร้ายได้ประโยชน์ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมจากการเรียกค่าไถ่หรือยินยอมทางการเมืองใดๆเพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน
มตินี้ที่อยู่ภายใต้มาตรา 7 ของกฎบัตรสหประชาชาติ สามารถบังคับใช้ผ่านมาตรการคว่ำบาตรต่างๆหรือแม้กระทั่งใช้กำลัง แม้ว่าในเนื้อหาไม่ระบุถึงการให้อำนาจด้านกำลังทหารก็ตาม
ในเนื้อหาเบื้องต้นของมติที่ร่างโดยรัสเซีย พุ่งเป้าไปที่การลักลอบการค้าน้ำมันเป็นสำคัญ แต่มันถูกขยายขอบเขตออกไปกว้างขวางกว่าเดิมตามระหว่างการประชุมพิจารณา และครอบคลุมถึงแหล่งที่มารายได้อื่นๆ ของไอเอสด้วย พร้อมทั้งเจาะจงให้รัฐบาลชาติต่างๆ ต้องรายงานมาตรการที่นำมาใช้ปราบปรามการลักลอบค้าขายน้ำมันและสกัดแหล่งรายได้อื่นๆ ของไอเอสภายในเวลา 120 วัน
มาตรการนี้กระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ต้องเพิ่มความพยายามก่อความยุ่งเหยิงแก่เรือหรือยานยนต์ที่ลักลอบบรรทุกน้ำมันเถื่อน และขอให้รายงานต่อคณะกรรมาธิการคว่ำบาตรในกรณีที่มีการตรวจยึดใดๆ และด้วยเหตุนี้มันจึงกลายเป็นแรงกดดันครั้งใหม่ต่อตุรกี ที่ถูกมองในฐานะจุดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเถื่อน ขณะที่รถบรรทุกเหล่านั้นจะเดินทางกลับอิรักและซีเรียพร้อมกับผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผ่านการกลั่นแล้ว
รายงานของคณะสังเกตการณ์อัลกออิดะห์ของสหประชาชาติที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายน คาดหมายว่าพวกไอเอสมีรายได้จากการลักลอบขายน้ำมันถึง 1.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อเมริกายืนยันว่าตอนนี้น้ำมันไม่ได้เป็นรายได้หลักของไอเอสอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มติตัดแหล่งทุนและสกัดกั้นการหลั่งไหลของนักรบต่างชาติไปยังอิรักและซีเรีย พร้อมเตือนประเทศที่ค้าขายน้ำมันกับไอเอสว่าอาจเจอมาตรการคว่ำบาตร
ผู้แทนทูตอิรัก ประจำสหประชาชาติบอกกับเอเอฟพีว่าการสูญเสียเมืองโมซุลให้แก่ไอเอสเมื่อปีที่แล้ว ทำให้พวกนักรบกลุ่มนี้มีรายได้ใหม่จากการขโมยโบราณวัตถุและศิลปะอันล้ำค่า “โมซุลเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโมซุลเป็นหนึ่งในโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุด มีศิลปะและทรัพย์สมบัติมีค่า แต่ถูกขโมยไปหมดแล้ว”
การลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ก.พ.) มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ยื่นคำขออย่างเป็นทางการต่อรัฐสภาในวันพุธ (11 ก.พ.) เพื่อให้อนุมัติอำนาจในการใช้กำลังทหารทำสงครามกับกลุ่มไอเอส และจอร์แดนเพิ่มบทบาทในพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยอเมริกา ตอบโต้เหตุนักบินของกองทัพถูกไอเอสประหารชีวิตอย่างเหี้ยมโหด