เอเจนซีส์ - ประดาน้ำอินโดนีเซียพบร่างผู้เสียชีวิตจากเครื่องแอร์เอเชียเพิ่มอีก 6 ศพเมื่อวันพฤหัสฯ (22 ม.ค.) ใกล้กับตัวเครื่องหลักที่นอนนิ่งอยู่ก้นทะเลชวา ซึ่งทางการอิเหนาอาจใช้ถุงอากาศขนาดใหญ่กู้ขึ้นมาในวันศุกร์ (23) ขณะที่เจ้าหน้าที่สอบสวนที่ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งเปิดเผยโดยอ้างข้อมูลจากกล่องดำว่า สัญญาณเตือนภัยในห้องนักบินดังระงมก่อนที่เครื่องจะตกไม่กี่นาที
เที่ยวบิน QZ8501 ของสายการบินแอร์เอเชียตกเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมาท่ามกลางพายุฝน พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 162 คน ระหว่างบินจากสุราบายา เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย มุ่งหน้าสิงคโปร์ โดยล่าสุดสามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพียง 59 ศพเท่านั้น
เอส.บี. ซูปรียาดี ผู้ประสานงานของสำนักงานการค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่า นักประดาน้ำพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 6 ศพ เป็นหญิง 4 ศพ และชาย 2 ศพ โดยร่างเหล่านี้ติดอยู่ในซากเครื่องบิน และบางศพยังยึดติดอยู่กับเบาะด้วยเข็มขัดนิรภัย โดยบริเวณที่พบอยู่ไม่ไกลจากซากตัวเครื่องหลักซึ่งเป็นห้องโดยสารของเครื่องบินที่เชื่อว่า น่าจะมีร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากติดอยู่
“ทีมประดาน้ำของเราพบ 5 ร่างถูกฝังอยู่ใต้โคลน ใกล้กับบริเวณลำตัวเครื่องบิน โดยร่างผู้โดยสารเหล่านี้ยังถูกเข็มขัดนิรภัยรัดติดกับเก้าอี้ผู้โดยสาร” สุปริยาดีแถลง พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า “เราเชื่อว่าศพผู้โดยสารที่พบล่าสุดนี้หลุดออกมาจากบริเวณลำตัวเครื่อง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 50-100 เมตร”
ทั้งนี้ ทีมค้นหาสามารถระบุตำแหน่งตัวเครื่องหลักของแอร์บัส A320-200 ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนานาชาติส่งเรือและเครื่องบินนับสิบลำร่วมค้นหา แต่ต้องพบอุปสรรคจากสภาพอากาศ กระแสน้ำเชี่ยวกราก และทัศนวิสัยใต้น้ำที่เลวร้าย ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนดังกล่าวได้จนกระทั่งขณะนี้
อย่างไรก็ตาม พลเรือตรีวิโดโด ผู้บัญชาการกองเรือตะวันตกของอินโดนีเซีย เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่า ทีมกู้ภัยอาจใช้ถุงลมขนาดใหญ่เพื่อดึงห้องโดยสารของเครื่องบินขึ้นจากใต้ทะเลในวันศุกร์ (23)
ในส่วนกล่องดำ ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน และอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบินนั้น สามารถกู้ขึ้นมาได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังวิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์ทั้งสองชิ้น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20) อิกนาเซียส โจนัน รัฐมนตรีคมนาคมอินโดนีเซีย แถลงต่อรัฐสภาว่า เครื่องบินของแอร์เอเชียไต่ระดับอย่างรวดเร็วผิดปกติก่อนที่เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและตกลงกลางทะเลชวาภายในเวลาไม่กี่นาที
โจนัน อ้างอิงข้อมูลเรดาร์ โดยระบุว่า “ในช่วงนาทีท้ายๆ เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปด้วยความเร็วสูงผิดปกติ และเครื่องบินเร่งความเร็วเกินขีดจำกัดที่อย่างกะทันหัน ก่อนที่จะสูญเสียการทรงตัว”
ข้อมูลเรดาร์เผยให้เห็นว่า ณ ช่วงหนึ่งเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ไต่ระดับความสูงขึ้นไป 6,000 ฟุต ก่อนดิ่งลงทะเลเพียงหนึ่งนาที ในขณะที่มีอากาศยานหลายลำบินอยู่ในความสูงระดับดังกล่าว
เขาตั้งข้อสังเกตว่า “ผมคิดว่า การไต่ระดับความสูง 6,000 ฟุตต่อนาทีเป็นเรื่องผิดปกติ ถึงแม้จะเป็นเครื่องบินรบก็เถอะ ในขณะที่เครื่องบินพาณิชย์แล้ว ไต่ระดับความสูงเพียงราว 1,000 - 2,000 ฟุต ก็ถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดธรรมดาแล้ว เพราะอากาศยานประเภทนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ไต่ระดับเร็วขนาดนั้น”
ต่อมาในวันพุธ (21) เจ้าหน้าที่สอบสวนคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยโดยอ้างอิงข้อมูลจากอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบินว่า ก่อนที่เครื่องจะตกเพียงไม่กี่นาที สัญญาณเตือนภัยจากอุปกรณ์หลายชุด ซึ่งรวมถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเครื่องยนต์หยุดทำงาน ส่งเสียงระงม ขณะที่นักบินพยายามแก้ไขสถานการณ์ และเสียงสัญญาณเตือนภัยเหล่านั้นดังมากจนกระทั่งกลบเสียงของนักบินและนักบินผู้ช่วยหมด
ทั้งนี้ ตาตัง เคอร์ดินี ประธานคณะกรรมาธิการความปลอดภัยในการขนส่งของอินโดนีเซีย (NTSC) ที่รับผิดชอบการสอบสวนสาเหตุของเครื่องบินตก เผยว่า รายงานการสอบสวนเบื้องต้นจะเสร็จสมบูรณ์ในสัปดาห์หน้า และ NTSC จะนำผลการสอบสวนเพียงบางส่วนออกเปิดเผยต่อสาธารณชน