เอเอฟพี – สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในเมืองตาโกลบันท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก และต้องเสด็จฯ กลับกรุงมะนิลาก่อนกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงพายุโซนร้อน “เมขลา” ที่พัดเข้าสู่หมู่เกาะฟิลิปปินส์เป็นลูกแรกในปีนี้ ขณะที่กระแสลมแรงได้พัดเหล็กนั่งร้านพังถล่มทับอาสาสมัครหญิงรายหนึ่งเสียชีวิต
ประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิกทรงสวมผ้าพลาสติกสีเหลืองเพื่อป้องกันฝน ขณะที่ทรงเทศนาต่อชาวเมืองตาโกลบันราว 200,000 คน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื้นตัน
อย่างไรก็ตาม พายุฝนที่เทกระหน่ำทำให้พระองค์ต้องเสด็จฯ กลับกรุงมะนิลาทันทีในช่วงเที่ยง จากเดิมที่ทรงมีกำหนดการตลอดทั้งวันในการเยี่ยมเยียนชาวเมืองตาโกลบัน และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากซุปเปอร์ไต้ฝุ่นเมื่อ 14 เดือนก่อน
“ดังนั้น ข้าพเจ้าต้องขออภัยต่อทุกๆ ท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจจริงๆ” โป๊ปฟรานซิส ตรัสต่อประชาชนหลายพันคนซึ่งมาเฝ้ารับเสด็จฯ ที่โบสถ์แห่งหนึ่ง ก่อนจะเสด็จฯ ตรงไปยังสนามบิน
เครื่องบินพระที่นั่งลงจอดที่กรุงมะนิลาโดยสวัสดิภาพ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที
หลังจากนั้นไม่นาน โฆษกประจำโบสถ์ได้รายงานว่า อาสาสมัครหญิงที่มาช่วยเตรียมพิธีสวดมิสซาในช่วงเช้าที่เมืองตาโกลบันถูกเหล็กนั่งร้านถล่มลงมาทับเสียชีวิต
นอกจากนี้ เครื่องบินที่ผู้ช่วยคนสนิท 3 คนของประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน โดยสารมาก็ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกจากรันเวย์ขณะเทคออฟ ทำให้ส่วนหัวของเครื่องพุ่งจมลงไปในโคลน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากที่เครื่องบินของโป๊ปเดินทางออกไปแล้ว และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บรุนแรง
การเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยที่เมืองตาโกลบันและเมืองใกล้เคียงถือเป็นวัตถุประสงค์หลักข้อหนึ่งในการเสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์เป็นเวลา 5 วันของโป๊ปฟรานซิส ซึ่งทรงเป็นที่เคารพยกย่องอย่างสูงในหมู่ชาวตากาล็อกซึ่งนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกถึงร้อยละ 80
ชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ต่างสวมเสื้อกันฝนสีเหลืองซึ่งทางผู้จัดงานแจกจ่ายให้ และสมเด็จพระสันตะปาปาก็ทรงสวมเช่นกัน ก่อนจะเสด็จฯ ขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก
“ข้าพเจ้าขอบอกให้ท่านทราบบางสิ่งที่อยู่ในจิตใจลึกๆ... เมื่อข้าพเจ้าดูข่าวภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับท่านในกรุงโรม ข้าพเจ้ารู้สึกทันทีว่าจะต้องมาที่นี่ และข้าพเจ้าก็ตัดสินใจในขณะนั้นว่าจะมา วันนี้ข้าพเจ้าจึงมาอยู่กับท่าน”
“พวกท่านบางคนสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป สิ่งที่ข้าพเจ้าทำได้มีเพียงการสงบนิ่ง และก้าวเดินไปกับท่านด้วยหัวใจที่เงียบงัน”
พระสันตะปาปาตรัสยืนยันต่อผู้ประสบภัยว่า พระเยซูคริสต์จะไม่ทรงทิ้งให้พวกเขาผิดหวัง ขณะที่ชาวบ้านหลายคนบอกว่า พระดำรัสของโป๊ปทำให้พวกเขามีพลังใจอย่างแรงกล้าขึ้นมา
“ฉันอธิบายมาถูก มันรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ในชีวิตฉันไม่เคยได้เฝ้าพระสันตะปาปามาก่อน” เวอร์จิเนีย ตอร์เรส แม่บ้านวัย 68 ปี กล่าวทั้งน้ำตาหลังจากที่โป๊ปเสด็จฯ ออกจากมณฑลพิธีไปแล้ว
ตอร์เรส ซึ่งสูญเสียบ้านไปกับคลื่นพายุซัดฝั่งที่รุนแรงเทียบเท่าสึนามิ บอกว่า พระดำรัสของพระองค์ทำให้เธอ “มีหวังขึ้นมาใหม่” แม้รื้อฟื้นความเจ็บปวดขึ้นมาบ้างก็ตาม
“ฉันรู้สึกตื้นตัน โดยเฉพาะตอนที่พระองต์ตรัสว่า พระองค์รู้สึกทุกข์ไปกับเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเผชิญมาจะได้รับการตอบแทน”