เอเอฟพี - เด็กหญิงชาวฟิลิปปินส์วัย 12 ปีน้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะร้องถามว่า เหตุใดพระเจ้าถึงปล่อยให้โลกนี้มี “โสเภณีเด็ก” สร้างความสะเทือนใจแก่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จนพระองค์ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ ก่อนตรัสวิงวอนให้ทุกคนหยิบยื่นความเมตตาแก่ผู้ยากไร้ให้มากกว่านี้
กลีแซล พาโลมาร์ เด็กหญิงผู้ครั้งหนึ่งเคยระหกระเหินเร่ร่อน ก่อนจะได้รับการอุปการะโดยมูลนิธิการกุศลของคริสตจักรโรมันคาทอลิกแห่งหนึ่ง ได้เอ่ยถามคำถามอันน่าสะเทือนใจ ในพิธีการที่มหาวิทยาลัยคาทอลิกในกรุงมะนิลา ซึ่งมีขึ้นก่อนสมเด็จพระสันตะปาปาประกอบพิธีมิสซาแก่ผู้ศรัทธาหลายล้านคน
พาโลมาร์ กล่าวกับโป๊ปฟรานซิส ขณะยืนเคียงข้างเด็กชายจรจัดวัย 14 ปีบนเวทีว่า “เด็กๆ มากมายถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และเด็กจำนวนมากต้องถลำลงสู่วังวนของยาเสพติดและโสเภณี”
“ทำไมพระเจ้าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเรา ทั้งที่เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรผิด”
พาโลมาร์ ผู้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นบนเวที จนประมุขแห่งคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกวัย 78 ผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนของประชาชนดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน แล้วกอดเธอไว้ครู่หนึ่ง
จากนั้นสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสก็ละทิ้งสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษที่ตระเตรียมมาจนเกือบหมดสิ้น ก่อนที่จะหันมาตรัสตอบเป็นภาษาสเปน ซึ่งเป็นภาษาแม่ของพระองค์เอง
โป๊ปฟรานซิสตรัสกับฝูงชนที่ผู้จัดงานระบุว่า มีจำนวนมากถึง 30,000 คนว่า “ลูกเป็นเพียงผู้เดียวที่ตั้งคำถาม ซึ่งไร้คำตอบ ทั้งยังไม่อาจแสดงความสงสัยคับข้องใจออกมาเป็นคำพูด ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาของลูกอธิบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมาแทน”
“แก่นของคำถามนี้ ... ไม่มีใครให้คำตอบแก่ลูกได้” นอกจากพระเป็นเจ้า
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งเสด็จเยือนฟิลิปปินส์เป็นเวลา 5 วันตรัสกับประชาชนผู้มารอพบพระองค์ว่า พวกเขาต้องหัดรับรู้ถึงความโศกเศร้าของกลุ่มคนชายขอบ และผู้เดือดร้อน ในขณะที่การแสดงความเมตตากรุณาแบบผิวเผิน ด้วยการหยิบยื่นสิ่งของบริจาคเพียงอย่างเดียว แบบที่คนมากมายบนโลกกำลังทำนั้นไม่เพียงพอ
พระองค์ตรัสว่า “หากพระเยซูคริสต์ประทานพระเมตตาแบบเดียวกับเรานั้น พระองค์ก็คงได้แต่เดินผ่านมาทักทายประชาชน มอบสิ่งของ แล้วเดินจากไป”
ทั้งนี้ โป๊ปฟรานซิสทรงเรียกร้องให้เหล่าผู้ศรัทธาแสดงความเมตตาแก่คนยากจน และคนชายขอบอย่างจริงใจ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า คำถามของพาโลมาร์แสดงให้เห็นว่า สังคมยังรับฟังเสียงของผู้หญิงไม่เพียงพอ
โป๊ปตรัสว่า “ผู้หญิงยังมีหลายสิ่งที่อยากจะบอกเรา เกี่ยวกับสังคมทุกวันนี้ บางครั้งสังคมเราก็ถือผู้ชายเป็นใหญ่มากเกินไป จนไม่หลงเหลือพื้นที่แก่สตรี”
“ผู้หญิงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่ต่างไปจากเรา พวกเธอสามารถตั้งคำถามที่ผู้ชายเรายังไม่เข้าใจ”
ทั้งนี้ เป้าหมายหลักในการเสด็จเยือนฟิลิปปินส์ของโป๊ปฟรานซิส คือการแสดงความเมตตาต่อคนยากจนในดินแดนซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของคริสต์ศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ทว่า ยังมีประชาชนประสบปัญหาความยากจนอย่างรุนแรงมากหลายสิบล้านคน