รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ให้สัญญาในวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) จะปกป้องชาวยิวและมุสลิมที่พักอาศัยอยู่ในเยอรมนีจากความมีอคติ ระบุประชาธิปไตยที่ก้องกังวาน คือ หนทางที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความรุนแรงจากพวกสุดโต่งที่สั่นสะเทือนฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แมร์เคิล พันธมิตรที่แข็งขันของอิสราเอลและผู้ปกป้องประชาคมชาวยิวของเยอรมนี ตอบสนองด้วยท่าทีแข็งกร้าวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านอิสลามในเยอรมนีที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตามหลังเหตุพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงโจมตีปารีสคร่าชีวิตผู้คน 17 ศพ
นายกรัฐมนตรีรายนี้บอกกับสภาล่างว่าบ่อยครั้งพวกอิสลามหัวรุนแรงและพวกต่อต้านยิวก็จับมือกัน แต่ในเยอรมนีมีที่ยืนให้แก่ชาวคริสเตียน ชาวยิวและมุสลิมเสมอ
คำกล่าวต่อสภาล่างดังกล่าวในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) เป็นการตอกย้ำสิ่งที่เธอพูดเมื่อวันจันทร์ (12 ม.ค.) ว่า “อิสลามเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี” และ “วิถีชีวิตชาวยิวก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา”
“เราจะดำเนินคดีกับอาชญากรรมต่อต้านยิวในทุกช่องทางของกฎหมาย” เธอกล่าวระหว่างการอภิปรายในประเด็นเหตุโจมตีปารีส “และการโจมตีมัสยิดจะถูกดำเนินคดีอย่างจริงจัง เพราะเราจะไม่ยอมให้พวกที่ใช้ก่อการร้ายอิสลามิสต์มาก่อความสงสัยต่อชาวมุสลิมทุกคนในเยอรมนี ในฐานะนายกรัฐมนตรี ฉันจะปกป้องมุสลิมในประเทศของเรา และฉันเชื่อว่าเราทุกคนในสภาแห่งนี้จะทำแบบเดียวกัน” เธอกล่าว
แมร์เคิลถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกพรรคคริสเตียน เดโมแครตส์ ของเธอเอง ต่อการกระตือรือร้นออกมาปกป้องประชากรมุสลิม 4 ล้านคนของเยอรมนี โดยพวกเขากล่าวหาว่าเธอเพิกเฉยต่อรากเหง้าจูเดโอ-คริสเตียนของเยอรมนี
ประเด็นโต้เถียงนี้กระพือขึ้นมาท่ามกลางการขยายวงกว้างของกลุ่มชาวยุโรปรักชาติต่อต้านกระแสอิสลามานุวัตรแห่งตะวันตก (Patriotic Europeans Against the Islamization of the West) หรือ PEGIDA ซึ่งเดินขบวนทุกสัปดาห์ในเมืองเดรสเดน บางส่วนเป็นสมาชิกฝ่ายขวาใหม่ เพื่อเรียกร้องทางการออกกฎระเบียบคนเข้าเมืองเข้มงวดมากขึ้น ด้วยตำหนินางแมร์เคิลปล่อยให้จำนวนผู้ข้อลี้ภัยในประเทศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 เมื่อปีที่แล้ว
ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำก่อนหน้าเหตุโจมตีในปารีส พบว่า ร้อยละ 57 ของประชากรที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมในเยอรมนี รู้สึกถูกคุมคามโดยอิสลาม แต่ แมร์เคิล บอกว่าชาวมุสลิมที่ปฏิบัติตามกฎหมายควรได้รับการปกป้องจากนักเทศน์ผู้เกลียดชังและกลุ่มต่างๆอย่างเช่นรัฐอิสลาม ที่พยายามดึงพวกเขาสู่แนวคิดหัวรุนแรง
รัฐบาลของเธอปรับแก้กฎหมายให้มีความเข้มข้นขึ้นเพื่อป้องกันการสนับสนุนทางการเงินและการถูกเกณฑ์เข้าร่วมกับพวกญิฮัด โดยต้องการเข้าถึงข้อมูลจากการโทรศัพท์และรายชื่อผู้โดยสารสายการบินสะดวกยิ่งขึ้น เพื่อต่อสู้กับพวกหัวรุนแรง อย่างไรก็ตาม นางแมร์เคิล บอกว่า การป้องกันตนเองที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนแปลงหลักประชาธิปไตยของสังคม