เอเจนซีส์-นายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อบาดีแห่งอิรักเผย อิรักอาจต้องการเวลาอีกอย่างน้อย 3 ปี ในการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างของกองทัพของตน พร้อมระบุ การต่อสู้กับกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดทางด้านความมั่นคงของประเทศนับตั้งแต่การล่มสลายของระบอบการปกครองของซัดดัม ฮุสเซนเมื่อปี 2003
นายกรัฐมนตรีอิรักเผยเรื่องดังกล่าวต่อผู้สื่อข่าวในระหว่างเดินทางเยือนกรุงไคโรของอียิปต์ โดยยอมรับเพิ่มเติมด้วยว่าอิรักมีความจำเป็นต้องสร้างกองทัพที่มีแสนยานุภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ หากต้องการประสบความสำเร็จในการกวาดล้างกลุ่มไอเอสที่ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของอิรัก ยิ่งกว่าเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์
อย่างไรก็ดี อัล-อบาดี ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์จากสหราชอาณาจักรยอมรับว่า อุปสรรคสำคัญที่กองทัพอิรักต้องเผชิญคือการสร้างความสมดุลระหว่างการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างของกองทัพของตนซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการทำศึกกับกลุ่มไอเอสไปด้วย
“เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า การฟื้นฟูและปรับโครงสร้างของกองทัพอิรักจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการสู้รบกับพวกไอเอส” อัล-อบาดีกล่าว
ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคือต้นตอสำคัญที่ทำให้กองทัพอิรักเกือบต้องล่มสลาย ทั้งที่กองทัพอิรักได้รับความช่วยเหลือมหาศาลจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงความช่วยเหลือทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่กองทัพอิรักกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการสร้างเสถียรภาพให้กับดินแดนของตน
ทั้งนี้ การที่กลุ่มไอเอสซึ่งมีเป้าประสงค์ในการสร้างรัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง สามารถรุกคืบเข้ายึดครองพื้นที่จำนวนมากโดยเฉพาะทางตอนเหนือของอิรักได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โดยแทบไม่ถูกต่อต้านจากกองทัพอิรัก ถูกระบุว่า เป็นสัญญาณเตือนด้านความมั่นคงที่สร้างความกังวลอย่างยิ่งยวดให้กับบรรดาพันธมิตรของอิรักทั้งในโลกตะวันตกและโลกอาหรับ