เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งเผยระหว่างเดินทางเยือนอิรักเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะ “นายใหญ่แห่งเพนตากอน” โดยยอมรับเป็นครั้งแรกว่า อำนาจทางทหารของสหรัฐฯไม่สามารถแก้ปัญหาในอิรักได้ และมีแต่ชาวอิรักเท่านั้นที่จะกำหนดทิศทางในอนาคตของประเทศของตน
เฮเกล วัย 68 ปี ซึ่งเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหมให้กับประธานาธิบดีบารัค โอบามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงแบกแดด หลังเดินทางเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อบาดีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิรัก โดยเฮเกลซึ่งเพิ่งถูกบีบให้สละเก้าอี้บิ๊กบอสเพนตากอนยอมรับเป็นครั้งแรกว่า กำลังทหารของสหรัฐฯ ไม่สามารถนำพาสันติภาพกลับสู่แผ่นดินอิรักได้
“มีเพียงชาวอิรักและผู้นำทางการเมืองในประเทศนี้เท่านั้นที่จะสามารถกำหนดอนาคตของอิรัก และนำสันติกลับคืนมาได้” เฮเกลกล่าว
แม้จะยอมรับผ่านสื่อเป็นครั้งแรกว่า สหรัฐฯล้มเหลวในการนำความสงบสุขกลับคืนสู่อิรัก แต่รายงานข่าวระบุว่า เฮเกลยังคงให้คำมั่นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลแบกแดดว่า รัฐบาลอเมริกันจะยังคงยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่ว่าจะให้ความช่วยเหลือทางการอิรักในการต่อสู้กับกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) และจะดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อช่วยให้อิรักสามารถยึดดินแดนที่อยู่ใต้การควบคุมของพวกไอเอสกลับคืนมา
อย่างไรก็ดี ท่าทีล่าสุดของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่ถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ถูกมองว่า เป็นเพียงหนึ่งในความพยายาม “ปัดสวะให้พ้นตัว” ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการโยนความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาความวุ่นวายในอิรักไปให้กับรัฐบาลและประชาชนชาวอิรัก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า สหรัฐฯคือต้นเหตุที่ทำให้อิรักตกอยู่ในสภาพดินแดนที่ไร้เสถียรภาพอย่างในทุกวันนี้ จากการเปิดฉากบุกอิรักของสหรัฐฯเมื่อปี 2003 ซึ่งตามมาด้วยการโค่นล้มรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซน