เอเอฟพี - ข้อมูลสถิติเปิดเผยโดยธนาคารกลางรัสเซียวันนี้ (12) พบว่า ภายในปี 2014 เพียงแค่ปีเดียว ธนาคารกลางรัสเซียต้องขายเงินดอลลาร์จำนวน 76.1 พันล้านดอลลาร์ และเงินยูโรอีก 5.4 พันล้านยูโร เพื่อพยุงค่าเงินรูเบิลไม่ให้ตก แต่ทว่ากลับไม่ได้ผลเมื่อพบสกุลเงินรูเบิลยังร่วงไม่หยุดอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา สกุลเงินรูเบิลตกไปถึง 41% ต่อดอลลาร์ และ 34% ต่อยูโร จากการที่ถูกชาติตะวันตกรวมตัวคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากวิกฤตยูเครน และผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมันโลกที่ตกต่ำ
นอกจากนี้ การที่สกุลเงินรูเบิลตกยังรวมไปถึงการที่รัสเซียออกมาตรการตอบโต้ชาติตะวันตกด้วยการคว่ำบาตรห้ามนำเข้าอาหารเกือบทุกชนิดจากโลกตะวันตก ส่งผลทำให้ราคาขึ้นสูงถึง 11.4% ในปี 2014 โดยจากสถิติที่เปิดเผยโดยธนาคารกลางรัสเซีย พบว่า การเข้าแทรกแซงครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อพยุงค่าสกุลเงินรูเบิลเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2014 เมื่อครั้งที่รัสเซียได้ผนวกไครเมียกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐ โดยธนาคารกลางรัสเซียต้องใช้ถึง 12.3 พันล้านดอลลาร์ และอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2014 ราว 27.2 พันล้านดอลลาร์ และล่าสุด ในเดือนธันวาคม 2014 ธนาคารกลางรัสเซียใช้ 11.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันโลกตกอย่างหนัก
ทั้งนี้ การตกของสกุลเงินรูเบิลส่งผลทำให้เกิดความกลัวไปทั่วในหมู่ชาวรัสเซียในเดือนธันวาคม ล่าสุด ซึ่งประชาชนแห่ไปถอนเงินเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงิน “ดอลลาร์” หรือ “ยูโร” เก็บไว้แทนเพราะกลัวการผันผวนค่าเงินหนัก ส่งผลทำให้รูเบิลตกสูงสุดในระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคม 2014 เมื่อรูเบิลตกถึง 1 ใน 4 ของค่าเงินใน 2 วันก่อนหน้านั้น
และหลังจากนั้น เงินรูเบิลสามารถดีดกลับมามีค่าคงที่เล็กน้อย แต่ยังคงอ่อนตัวในเดือนมกราคม 2015 จากผลกระทบที่ราคาน้ำมันโลกยังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง
เอเอฟพีรายงานว่า ในวันจันทร์ (12) สกุลเงินรูเบิลตกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และยูโรหลังตลาดเปิด โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน 74.40 รูเบิลต่อ 1 ยูโร และ 62.83 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ ในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นรัสเซีย เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนในวันศุกร์ (9) ที่อยู่ในอัตรา 72.25 รูเบิลต่อ 1 ยูโร และ 61.55 ยูโรต่อ 1 ดอลลาร์