เอพี - รายงานเผยที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อเดือนธันวาคม ได้มีการหารือกันถึงความเสี่ยงต่างๆนานาต่อเศรษฐกิจอเมริกา แต่ได้ข้อสรุปว่าราคาน้ำมันที่ดิ่งลงอย่างหนัก ท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในรายงาน (minutes) ของการประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคม ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ (7 ม.ค.) แสดงให้เห็นว่าเหล่าเจ้าหน้าที่เฟดเชื่อว่าความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกยังเป็นความเสี่ยงทางลบใหญ่หลวง โดยเฉพาะการที่มันก่อความยุ่งเหยิงแก่ตลาดเงินโลก อย่างไรก็ตามพวกเขาเชื่อว่าโดยรวมแล้ว ราคาน้ำมันที่ขยับลงอย่างรุนแรงจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ
รายงานแสดงให้เห็นด้วยว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความห่วงใยต่อปฏิกิริยาที่รุนแรงเลยเถิดของตลาดที่กังวลว่าธนาคารกลางแห่งนี้อาจปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนกำหนด เลยตัดสินใจประกาศจุดยืนว่าเฟดมีความตั้งใจที่จะอดทนในความเคลื่อนไหวขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถ้อยคำใหม่ที่สอดคล้องกับคำแถลงครั้งก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปเป็นเวลานานพอดู
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่าเฟดจะไม่เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายน และบางทีอาจรอคอยนานกว่านั้นหากว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย 2 เปอร์เซ็นต์
ธนาคารกลางสหรัฐฯคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำใกล้ๆ ร้อยละ 0 มาเป็นเวลากว่า 6 ปี นับตั้งแต่หั่นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม 2008 ตอนที่ประเทศเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรง และพยายามค้ำยันไม่ให้ระบบธนาคารพังครืนระหว่างวิกฤตทางการเงิน
ถ้อยแถลงด้านนโยบายของเฟดเมื่อเดือนที่แล้ว ได้รับความเห็นชอบ 7-3 เสียง ย้ำให้เห็นว่ามีความเห็นต่างอย่างมากภายในธนาคารกลางแห่งนี้ ขณะที่เฟดกำลังเปลี่ยนผ่านจากช่วงเวลายืดนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นพิเศษ เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงหลังการประชุมเมื่อเดือนธันวาคม เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่เฟดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมอีกช่วง 2 สมัยข้างหน้า คำพูดที่เสมือนเป็นการปัดโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคมและมีนาคมโดยปริยาย