เอเอฟพี - หัวหน้าทีมค้นหาอินโดนีเซียแถลงยืนยันวันนี้ (7 ม.ค.) ว่าทีมค้นหาซากเครื่องบินโดยสารของสายการบิน “แอร์เอเชีย” ตรวจพบส่วนหางของเที่ยวบิน QZ8501 ที่ตกลงสู่ในทะเลชวาแล้ว ในยามที่ปฏิบัติการค้นหาย่างเข้าสู่วันที่ 11
บัมบัง โซลิสต์โย ผู้อำนวยการสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซียระบุกับผู้สื่อข่าว ณ กรุงจาการ์ตาว่า “เราค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบินตรงตามเป้าหมาย โดยเราขอยืนยันว่า พบส่วนหาง (ของเครื่องบินลำนี้) แล้ว”
ทั้งนี้ การค้นพบซากเครื่องบินบริเวณก้นทะเลนั้นอาจช่วยผ่าทางตันของภารกิจค้นหาครั้งนี้ เนื่องจากโดยปกติแล้วส่วนหางของเครื่องบินนั้นเป็นจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน หรือ “กล่องดำ” เอาไว้ ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญที่สามารถชี้ชัดได้ว่า เครื่องบินลำน้ำดิ่งลงทะเลได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา เครื่องบินลำนี้อันตรธานหายไปจากหน้าจอเรดาร์ขณะเกิดพายุ ระหว่างออกเดินทางจากเมืองสุราบายา ของอินโดนีเซีย ไปยังสิงคโปร์ พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 162 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองแดนอิเหนา
แม้ว่าปฏิบัติการกู้ซากเครื่องบินครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากหลายชาติ ทว่า ภารกิจก็ยังคงดำเนินไปอย่างกะท่อนกระแท่นเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการค้นหา โดยในเวลานี้ ทีมค้นหาพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 39 ราย โดยศพทั้งหมดที่พบลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
ก่อนหน้านี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยค้นหาและกู้ภัยแถลงว่า ได้ตรวจพบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของเครื่องบินแล้ว 5 ชิ้น แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่า วัตถุเหล่านั้นคือส่วนใดของอากาศยาน
ทั้งนี้ อินโดนีเซียแถลงว่า เที่ยวบิน QZ8501 ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นบนในวันที่ตก นอกจากนี้อินโดนีเซียยังได้สั่งห้ามไม่ให้เที่ยวบินใดๆ ของแอร์เอเชียให้บริการในเส้นทางสุราบายา-สิงคโปร์อย่างไม่มีกำหนดนับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (3)
*** ลงดาบเจ้าหน้าที่ ***
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (7) กระทรวงคมนาคมแดนอิเหนาระบุว่า ได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ในกระทรวงหนึ่งคน รวมทั้งลงโทษเจ้าหน้าที่อีกหลายคน ตามมาตรการลงโทษขั้นรุนแรง หลังเกิดเหตุเครื่องบินตก ขณะที่กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งตรวจสอบว่า อากาศยานลำนี้ขึ้นบินโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร
ฮาดี มุสโตฟา เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมกล่าวกับเอเอฟพีว่า “จนถึงตอนนี้เราได้ใช้มาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ไปแล้ว 8 คน โดย 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคม ส่วนอีก 4 คนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินอากาศ AirNav และอีก 2 คนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินสุราบายา”
“เจ้าหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมถูกไล่ออกหนึ่งคน ขณะที่อีกคนถูกสั่งพักงาน ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 6 คนที่เหลือไม่ถูกสั่งพักงานก็ถูกโยกย้าย”
ทางด้าน สายการบินแอร์เอเชียอินโดนีเซียยังคงปฏิเสธที่จะออกมาให้คำชี้แจงใดๆ ภายหลังถูกกล่าวหาว่านำเครื่องบินออกให้บริการทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยทางการสิงคโปร์กล่าวว่า แอร์เอเชียมีสิทธิ์บินในเส้นทางสุราบายา-สิงคโปร์ เฉพาะวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ เท่านั้น ขณะที่วันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์
ทั้งนี้ อากาศยานลำดังกล่าวอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “แอร์เอเชียอินโดนีเซีย” กิจการในเครือของ “แอร์เอเชีย” ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในมาเลเซีย และสามารถรักษาประวัติความปลอดภัยในการบินไว้ได้ดีมาโดยตลอด
มุสโตฟากล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ทางกระทรวงจะตรวจสอบใบอนุญาตและตารางบินของสายการบินทั้งหมดที่ให้บริการในอินโดนีเซียเพื่อดูว่า มีการละเมิดกฎระเบียบหรือไม่
ที่เมืองปังกาลันบุนบนเกาะบอร์เนียว อันเป็นที่ตั้งของทางวิ่งเครื่องบินซึ่งอยู่ใกล้จุดตกของแอร์เอเชียมากที่สุด เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมส่งอากาศยานออกค้นหาร่างผู้เสียชีวิต และซากเครื่องบิน
จากการประเมินเบื้องต้นโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซียพบว่า อากาศเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เที่ยวบิน QZ8501 ดิ่งทะเล โดยภาพถ่ายดาวเทียมชี้ว่า อากาศยานลำนี้บินผ่านกลุ่มเมฆที่มีอุณหภูมิติดลบ 80-85 องศา จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีน้ำแข็งเกาะอุปกรณ์สำคัญต่างๆ กระทั่งเครื่องยนต์เสียหาย
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า เหตุใดเครื่องบินลำอื่นๆ ที่บินในเส้นทางเดียวกันนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ทักท้วงว่ายังมีข้อมูลไม่เพียงพออธิบายสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้จนกว่าจะพบกล่องดำ