เอเอฟพี – บรรดานักล่าวาฬของญี่ปุ่นจะออกเดินเรือสู่แถบแอนตาร์คติคในสัปดาห์นี้ แต่จะทิ้งฉมวกไว้ที่บ้าน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วศาลสูงสุดแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ตัดสินให้การล่าประจำปีพวกเขาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย รัฐบาลเผยวันนี้ (6)
กรมประมงญี่ปุ่น ระบุว่า สถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (Institute of Cetacean Research) มีแผนที่จะดำเนินการวิจัยวาฬแบบไม่ถึงชีวิตจนถึงวันที่ 28 มีนาคม และเนื่องจากการวิจัยนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการจับวาฬ ฉมวกจึงถูกเอาออกจากตัวเรือแล้ว ทางกรมระบุ
เรือสองลำ ซึ่งจะออกเรือในวันพฤหัสบดี (8) จะทำหน้าที่ “ลาดตระเวนสอดส่อง” และเก็บตัวอย่างผิวหนังจากสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิดนี้ ส่วนเรือลำที่สามจะออกไปทำหน้าที่สนับสนุน
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ซึ่งเป็นศาลสูงสุดขององค์การสหประชาชาติ ได้ตัดสินว่า โตเกียวละเมิดข้อยกเว้นทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดไว้สนธิสัญญาว่าด้วยการล่าวาฬในปี 1986 และดำเนินการล่าวาฬเชิงพาณิชย์โดยใช้การวิจัยบังหน้า หลังจากการตัดสินครั้งนั้น ญี่ปุ่น ระบุว่า จะยกเลิกภารกิจในแถบแอนตาร์กติกช่วงฤดูหนาว
แต่โตเกียวก็ได้แสดงถึงความตั้งใจที่จะเริ่มต้น “การล่าวาฬเพื่อการวิจัย” ใหม่อีกครั้งในปี 2015-2016
สำหรับแผนการใหม่ที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) และคณะกรรมการด้านวิทศาสตร์ของตนเอง ญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายไว้ว่าในแต่ปีจะล่าวาฬมิงค์ 333 ตัว ลดจากราวๆ 900 ตัวของโครงการที่แล้ว
โตเกียวยังได้กำหนดระยะเวลาการวิจัยนี้เป็น 12 ปีนับตั้งแต่ปีการเงิน 2015 เพื่อตอบสนองคำวิจารณ์ของศาลที่ตำหนิสภาพของโครงการนี้ว่าไม่มีการกำหนดระยะเวลาล่วงหน้า
ญี่ปุ่นสังหารวาฬมิงค์ 251 ในแถบแอนตาร์กติกในช่วงปี 2013-2014 และ 103 ตัวในปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก เพราะเผชิญกับการขัดขวางจากกลุ่มเคลื่อนไหวเด้านสิ่งแวดล้อม ซี เชพเพิร์ด
โตเกียวยังได้ดำเนินการล่าวาฬในนามวิทยาศาสตร์ในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งฆ่าวาฬไปได้กว่า 132 ตัวในปี 2013 และ 92 ตัวที่นอกชายฝั่งแดนอาทิตย์อุทัย
แม้ว่าจะจะเผชิญกับคำตำหนิจากนานชาติอย่างแพร่หลาย แต่โตเกียวก็ยังคงล่าวาฬต่อไปโดยอาศัยข้อยกเว้นทางวิทยาศาสตร์ และไม่อาจปกปิดความจริงที่ว่า ปลายทางของเนื้อวาฬเหล่านั้นล้วนมาอยู่ในภัตตาคารและแผงขายปลาในตลาด
