เอเอฟพี/บีบีซี - น้ำมันเมื่อวันจันทร์ (5 ม.ค.) ช่วงหนึ่งของการซื้อขายร่วงลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี จากอุปทานล้นตลาดและค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าท่ามกลางปัญหาในยูโรโซน ปัจจัยนี้เขย่าขวัญนักลงทุนฉุดให้วอลล์สตรีดิ่งลงแรงและผลักให้ทองคำพุ่งขึ้น จากแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายขยับลงไปถึง 49.95 ดอลลาร์ ต่ำที่สดนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2009 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 3.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การดิ่งลงของราคาน้ำมันในวันจันทร์ (5 ม.ค.) มีขึ้นตามหลังสัญญาณที่บ่งชี้ว่าชาติผู้ผลิตรายใหญ่อย่างรัสเซียและอิรักกำลังเพิ่มกำลังผลิตท่ามกลางปัญหาอุปทานล้นตลาด ขณะเดียวกันอุปสงค์ก็มีแนวโน้มลดลง สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
นอกจากนี้แล้ว ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากสกุลยูโร ที่อ่อนค่าสุดในรอบ 9 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังนักลงทุนคาดหมายว่าบางทีธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลงมือกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น
ยูโร ร่วงลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะระดับ 1.1864 ยูโรต่อดอลลาร์ ถือว่าอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2006 ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 1.19370 ดอลลาร์ หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ระธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) บ่งชี้ว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะเริ่ม quantitative easing (QE) มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงินเร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้แม้ว่าอีซีบีได้หั่นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และซื้อตราสารหนี้เอกชนแล้ว แต่ยังได้เริ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์ (5 ม.ค.) ปิดลบแรง จากความกังวลต่อยูโรโซนและราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ท่ามกลางค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าสุดในรอบ 9 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบอเมริกา ช่วงหนึ่งทรุดลงไปต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดาวโจนส์ ลดลง 331.34 จุด (1.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,501.65 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 37.62 จุด (1.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,020.58 จุด แนสแดค ลดลง 74.24 จุด (1.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,652.57 จุด
ราคาน้ำมันที่่ช่วงหนึ่งของการซื้อขายร่วงลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ไม่ได้ก่อแรงขายเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานเท่านั้น แต่ยังแผ่ลามไปทั่วทั้งกระดาน หลังความกังวลต่อยูโรโซนกระพือขึ้นมาอีกรอบ
ตลาดหลักทรัพย์กรีซร่วงลงมากกว่าร้อยละ 5 ส่วนตลาดหุ้นในปารีส มาดริดและมิลาน ก็ปรับลดมากกว่าร้อยละ 3 ขณะที่กระแสความหวั่นวิตกเรื่องที่กรีซจะออกจากยูโรโซนเริ่มกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
นายอันโตนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ถือเป็นการชี้ชะตาว่ากรีซจะสามารถรั้งสถานภาพการเป็นสมาชิกยูโรโซนต่อไปได้หรือไม่ ขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ของกรีซเริ่มเดินหน้ารณรงค์หาเสียงเลือกตั้งแล้วในขณะนี้ เนื่องจากมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์
นายซามาราสเตือนว่า หากพรรคไซรีซาซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก็อาจจะส่งผลให้กรีซเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นชาติสมาชิกของยูโรโซน เนื่องจากนายอเล็กซิส ซิปราส หัวหน้าพรรคไซรีซามีแนวโน้มที่จะยุติมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Der Spiegel รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลเยอรมนี ระบุว่าเบอร์ลิน มองว่าโอกาสที่กรีซจะออกจากยูโรโซน เกือบจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากว่าพรรคฝ่ายซ้ายไซรีซาชนะการเลือกตั้ง
ความกังวลต่อวิกฤตยุโรโซนรอบใหม่นี้และราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงที่ก่อแรงเทขายทั่วทั้งกระดานวอลล์สตรีท หนุนให้ราคาทองคำพุ่งแรงเมื่อวันจันทร์ (5 ม.ค.) เหตุนักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 17.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
