“สาวประเภทสอง” คว้าตำแหน่งนายกเทศมนตรีอินเดียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

รอยเตอร์ - สื่อท้องถิ่นรายงานวานนี้ (4 ม.ค.) ว่า ชาวอินเดียคนหนึ่งได้กลายเป็นสาวประเภทสองคนแรกของประเทศ ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ภายหลังเมื่อ 9 เดือนก่อน ศาลแดนภารตะมีคำตัดสินให้คนข้ามเพศ (Transgender) ถือเป็นสถานะเพศที่ 3 อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

รายงานข่าวของ “เพรสทรัสต์ออฟอินเดีย” ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าว Firstpost.com ระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (4) มาธุ กินนร วัย 35 ปี ได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองไรกราห์ (Raigarh) ในรัฐฉัตติสครห์ ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน โดยเธอสามารถกวาดคะแนนเสียงเอาชนะคู่แข่งจากพรรคภารติยชนตะ (บีเจพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลไปได้กว่า 4,500 คะแนน

สถานีโทรทัศน์ได้แพร่ภาพของ กินนร ในชุดส่าหรี และมีจุดแต้มสีแดงกลางหน้าผาก เดินทักทายบรรดาผู้สนับสนุนที่ผลัดกันนำพวงดอกดาวเรืองมาคล้องคอแสดงความยินดีกับเธอ

กินนรบอกว่า เธอรู้สึกตื้นตันใจมากที่ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรี ทั้งนี้ เธอเกิดในชุมชนวรรณะ “ดาลิต” ซึ่งเป็นชื่อเรียกใหม่ของวรรณะจัณฑาล และเคยหาเลี้ยงชีพด้วยการร้องรำทำเพลงบนรถไฟ

สื่ออินเดียรายงานคำพูดของกินนร โดยระบุว่า “ประชาชนได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาต่างเชื่อมั่นในตัวดิฉัน ดิฉันคิดว่า ชัยชนะครั้งนี้เปรียบได้กับความรัก และคำอวยพรที่ประชาชนมอบให้ดิฉัน และดิฉันจะทุ่มเทความพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ฝันของพวกเขากลายเป็นจริง”

“ดิฉันตัดสินใจลงสู้ศึกเลือกตั้งเป็นครั้งแรก เพราะได้กำลังใจจากประชาชนที่คอยสนับสนุนดิฉัน และที่ดิฉันคว้าชัยชนะมาได้ ก็เพราะแรงสนับสนุนจากพวกเขาทั้งนั้น”

บรรดานักเคลื่อนไหวกล่าวว่า ที่อินเดีย มีประชากรสาวประเภทสองหลายแสนคน แต่เนื่องจากพวกเธอไม่มีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงต้องถูกขับไล่ไสส่ง เลือกปฏิบัติอย่างมีอคติ และบีบบังคับให้ค้าประเวณี

เมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ศาลฎีกาแดนภารตะได้พิพากษาให้รับรองสถานะคนข้ามเพศ เป็นเพศที่สามอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียรับประกันว่า คนกลุ่มนี้จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับผู้อื่น

ถึงแม้นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนต่างออกมาขานรับคำตัดสินครั้งสำคัญของศาลอินเดียด้วยความยินดี แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยชี้ว่า คำพิพากษาดังกล่าวขัดกับข้อห้ามแสดงพฤติกรรมรักร่วมเพศ ที่ศาลรื้อฟื้นขึ้นมาบังคับใช้ ซึ่งส่งผลให้กลุ่มหญิงรักหญิง ชายรักชาย คนรักสองเพศ และคนข้ามเพศ ถูกจับไปลงโทษมากขึ้นเรื่อยๆ จนบีบบังคับให้คนจำนวนมากต้องปกปิดรสนิยมทางเพศที่แท้จริงของตนเอง