รอยเตอร์ – คิวบาจะธำรงรักษาไว้ซึ่งหลักการสังคมนิยม และไม่กลับไปใช้ระบอบทุนนิยม แม้จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ ก็ตาม บุตรสาวของประธานาธิบดี ราอูล คาสโตร แห่งคิวบาออกมาให้สัมภาษณ์วานนี้(19) หลังมีการคาดเดากันว่านักธุรกิจอเมริกันจะเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในคิวบาได้อย่างเสรี
มารีเอลา คาสโตร ซึ่งเป็น ส.ส. ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “ประชาชนชาวคิวบาไม่ต้องการกลับไปใช้ระบอบทุนนิยม”
เมื่อวันพุธ(17) รัฐบาลฮาวานาและวอชิงตันได้ประกาศยุติการเป็นศัตรูนานกว่า 5 ทศวรรษ และฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ มีแผนจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรให้คิวบาบางส่วน และผลักดันสภาคองเกรสให้เพิกถอนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจด้วย
แต่ถึงแม้มาตรการปิดกั้นต่างๆ จะถูกยกเลิกไปแล้ว บริษัทอเมริกันที่ต้องการเข้าไปลงทุนในคิวบาก็จะต้องขออนุญาตจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์เสียก่อน
“เราใช้ระบอบนี้มา 56 ปี... และเราก็ภาคภูมิใจที่จะกล่าวว่า เราเป็นประเทศแห่งการปฏิวัติเพื่อนำระบอบสังคมนิยมมาใช้ และเราเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองเดี่ยวที่เรียกว่า พรรคคอมมิวนิสต์” มารีเอลา คาสโตร อธิบาย
กฎหมายด้านการลงทุนของคิวบาไม่ได้ปิดกั้นบริษัทต่างชาติ แต่ผู้ลงทุนจะต้องเจรจากับรัฐวิสาหกิจหรือรัฐบาลคิวบาเสียก่อน และส่วนใหญ่รัฐบาลคิวบาจะขอถือหุ้นเกินครึ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติพากันถอดใจ
คิวบามีรัฐวิสาหกิจดูแลการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าบริษัทอเมริกันจะไม่สามารถติดต่อลูกค้า และขนสินค้าเข้าไปขายได้เอง
“มีบางคนพูดว่า ฟิเดล คาสโตร เป็นพวกหัวแข็ง ผู้นำคิวบาเป็นคนหัวรั้น แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราเรียนรู้สิ่งสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เราไม่ควรละทิ้งหลักการของเราเอง” บุตรสาวประธานาธิบดีให้สัมภาษณ์ทิ้งท้าย