เอเจนซีส์ - ถึงแม้ธนาคารกลางรัสเซียพยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ย 17% เพื่อหวังพยุงค่าเงินรูเบิลไม่ให้อ่อนค่ามากไปกว่านี้ แต่กลับเป็นว่าภายในวันอังคาร (16) ภายในวันเดียว ค่าเงินรูเบิลตกต่ำสุดมากเป็นประวัติการถึง 20% สร้างประวัติศาสตร์อ่อนตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ และยูโร ซึ่งถูกสหรัฐฯ ซ้ำเติมเมื่อมีข่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาจะลงนามกฎหมายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจลงโทษรัสเซียให้หนักขึ้นภายในสุดสัปดาห์นี้
บีบีซี สื่ออังกฤษ และ RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (16) ว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อต้องการให้ค่าเงินรูเบิลปรับตัวแข็งขึ้น ซึ่งหลังการประกาศของธนาคารกลางรัสเซียในการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 17% ส่งผลทำให้ในช่วงเช้าวันอังคาร (16) เงินรูเบิลดีดกลับไปอยู่ที่ 58 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ RTรายงานว่า ทว่าต่อมาค่าเงินรูเบิลกลับปรับตัวลดลง 20% ภายในวันเดียวด้วยการอ่อนค่าลงมาต่ำสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 75 รูเบิล ต่อดอลลาร์ และ 93.5 รูเบิลต่อ 1 ยูโร ในวันอังคาร (16)
ล่าสุดวันนี้ (17) อัตราแลกเปลี่ยนรูเบิลอยู่ที่ 87.18 รูเบิล ต่อ 1 ยูโร และ 69.73 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์
นอกจากนี้ สื่อรัสเซียยังรายงานเพิ่มเติมว่า พบว่าหลังจากนั้นตลาดหุ้นรัสเซียปั่นป่วนหนัก ทรุดต่ำมากกว่า 15% ในเวลา 14.30 น.ในวันอังคาร (16) ตามเวลามอสโก หลังจากที่ตกไปแล้วถึง 11% ในวันก่อนหน้านั้น และพบว่า Sberbank ธนาคารใหญ่ที่สุดในรัสเซีย หุ้นตกไป 17.77% และธนาคาร VTB ที่ใหญ่เป็นอันดับสองตกไป 14.29% และยังรวมไปถึงบริษัทพลังงานที่อยู่ในการดำเนินการของรัฐบาลรัสเซีย โดยราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ร่วงระเนระนาดเช่นกัน
นอกจากนี้ สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า การที่เห็นเงินรูเบิลไหลไม่หยุดในสัปดาห์นี้เพราะมีการเกรงกันว่า สหรัฐฯจะลงดาบรอบใหม่แซงชั่นเศษฐกิจรัสเซียหนักขึ้น เมื่อวานนี้ (16) มีรายงานว่า โฆษกทำเนียบขาว จอช เอิร์นเนส แถลงว่า มีการคาดกันว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา จะลงนามรับรองในร่างกฎหมายฉบับใหม่ภายในสัปดาห์นี้เพื่อเพิ่มมาตราการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียให้หนักขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากจะอนุมัติงบ 350 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือยูเครนแล้ว ยังมีส่วนมาตรการที่จะกดดันรัสเซียในอุตสาหกรรมค้าอาวุธ เช่น การลงโทษRosoboronexport บริษัทค้าอาวุธรัสเซียที่มีรัฐบาลหมีขาวเป็นเจ้าของ รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ สถาบันวิจัยเพื่อสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า ยอดจำหน่ายของกิจการผู้ผลิตอาวุธของรัสเซียขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากการลงทุนของรัฐบาลมอสโก แม้ว่าทั่วโลกจะทุ่มงบด้านกลาโหมลดลงก็ตาม โดยพบว่า เมื่อปี 2013 ยอดขายของกิจการผู้ผลิตอาวุธที่มีสำนักงานใหญ่ในรัสเซียเติบโตขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
บริษัทแดนหมีขาวที่สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากสุดในปี 2013 คือ แท็กติคอล มิสไซลส์ คอร์ปอเรชัน ซึ่งมียอดขายพุ่งขึ้นถึง 118 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยอัลมัซ-อันเตย์ ที่เพิ่มขึ้น 34 เปอร์เซ็นต์
SIPRI กล่าวว่า ในเวลานี้ อัลมัซ-อันเตย์ ซึ่งเป็นกิจการผู้ผลิตอาวุธใหญ่เป็นอันดับ 12 ของโลก กำลังขยับเข้าใกล้ 10 อันดับแรกมากขึ้น ขณะที่บริษัทอาวุธที่ครอง 10 อันดับแรกของโลกมักเป็นกิจการของสหรัฐฯ หรือภูมิภาคยุโรปตะวันตก มาตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น
และ SIPRI ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1966 โดยได้รับเงินสนับสนุนบางส่วนทางการสวีเดน สถาบันแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญด้านความขัดแย้ง ยุทโธปกรณ์ การควบคุมอาวุธ และการปลดอาวุธ ซึ่งสถาบันวิจัยแห่งนี้ให้คำนิยามของการขายอาวุธว่าเป็น “การจำหน่ายสินค้าและบริการด้านการทหาร ให้แก่ลูกค้าในกองทัพ รวมทั้งการขายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการจัดหายุทโธปกรณ์ในประเทศ และการค้าเพื่อส่งออกไปยังต่างแดน”
ในส่วนของบริษัทค้าอาวุธ Rosoboronexport นั้น ในวันที่ 14 เกรกฎาคมที่ผ่านมา SIPRI รายงานว่า บริษัทอาวุธแห่งนี้ได้ป้อนคาราวานรถถัง เครื่องบินรบ จรวดมิสไซล์ และเฮลิคอปเตอร์ ให้กับรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้ในสงครามกลางเมืองซีเรีย ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว170,000 คนในขณะนั้น
และบีบีซียังรายงานเพิ่มเติมว่า ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทพลังงานรัสเซีย Rosneft ตัดสินใจออกบอนด์มูลค่า 9.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทางบริษัทปฎิเสธไม่ได้พยายามที่จะทิ้งเงินรูเบิลแต่อย่างใด โดยกล่าวว่า “ไม่มีเงินแม้สัก 1 รูเบิลในการซื้อเงินตราต่างประเทศครั้งนี้”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในภาวะที่ค่าเงินรูเบิลตกหนักสุด แต่ดูเหมือนสื่อโทรทัศน์รัสเซียจะไม่ให้ความสนใจในการนำเสนอข่าว โดยพบว่าในวันจันทร์ (15) ช่วงไพรม์ไทมส์ของทีวีรัสเซีย แทบจะไม่ปรากฏข่าวค่าเงินรูเบิลตก แต่ในขณะที่เมื่อวานนี้ (16) มีการนำเสนอข่าวธนาคารกลางรัสเซียปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงค่าเงินรูเบิล และพบว่าทีวีช่อง 1 ของรัสเซียได้ออกคำเตือนไม่ให้ร้านค้าแปะป้ายราคาสินค้าด้วยสกุลเงินอื่นนอกจากรูเบิล และอาจเสี่ยงถูกปรับได้