รอยเตอร์/เอเจนซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ประกาศในวันอังคาร (9 ธ.ค.) ว่าวิธีสอบสวนทารุณจะไม่เกิดขึ้นภายใต้การจับตาของเขา หลังวุฒิสภาอเมริกันเผยแพร่รายงานว่าด้วยกระบวนการสอบสวนทารุณของซีไอเอ ที่ก่อความกังวลจนรัฐบาลต้องสั่งการให้สถานทูตและสถานที่ตลอดจนฐานทัพต่างๆ ของตนในทั่วโลก เตรียมพร้อมรับเหตุรุนแรง ระบุเทคนิคนี้ได้ก่อความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างแดนและไม่ได้ช่วยสนับสนุนความพยายามต่อต้านก่อการร้ายแม้แต่น้อย
ถ้อยแถลงที่เขียนด้วยลายมือของโอบามา ถูกเผยแพร่ออกมาเพื่อตอบโต้รายงานของวุฒิสภาที่แฉรายละเอียดขั้นตอนการสอบสวนอย่างทารุณของซีไอเอ ซึ่งกระทำต่อผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกอัล-กออิดะห์ ภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 “แทนที่จะใช้มันเป็นมูลเหตุในการรื้อฟื้นข้อถกเถียงเก่าๆ ผมหวังว่ารายงานในวันนี้ จะช่วยให้เราถอยห่างจากเทคนิคเหล่านั้นที่เราเคยใช้ในอดีต”
โอบามากล่าวถึงรายงานของวุฒิสภาต่อไปว่า “มันสนับสนุนมุมมองที่ผมยึดมั่นมาช้านานว่าวิธีการทารุณนี้ไม่ใช่เพียงไม่สอดคล้องคุณค่าของเรา แต่มันยังไม่มีประโยชน์ต่อความพยายามต่อต้านก่อการร้ายอย่างขว้างขวางและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของเราด้วย” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า “วิธีสอบสวนนี้ก่อความเสียหายแก่จุดยืนของอเมริกาในโลกใบนี้และทำให้การแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกับพันธมิตรและเหล่าชาติคู่หูเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงจะยังใช้อำนาจของผมในฐานะประธานาธิบดี สร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะไม่ใช้วิธีการนี้อีกแล้ว”
คำแถลงของโอบามามีออกมาหลังจากคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเผยแพร่รายงานสรุปพิเศษราว 500 หน้าจากรายงานฉบับเต็ม 6,200 หน้าในวันอังคาร (9 ธ.ค.) ระบุวิธีการสอบสวนของซีไอเอต่อผู้ต้องสงสัยอัลกออิดะห์เลวร้ายกว่าที่รับทราบกันมากและไม่ได้นำมาซึ่งข้อมูลข่าวกรองที่เป็นประโยชน์เลย นอกจากนี้แล้วซีไอเอยังชี้นำทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไปในทางที่ผิด ด้วยคำกล่าวอ้างที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของโครงการนี้ในการทลายแผนโจมตีต่างๆ
ก่อนหน้านี้ จอห์น เบรนแนน ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) คนปัจจุบัน บอกว่าหน่วยงานของเขานำเอายุทธวิธีทารุณนี้มาใช้ตั้งแต่อยู่ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ตามหลังโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2011 อัลกออิดะห์โจมตีเมืองต่างๆของอเมริกา โดยแม้ยอมรับว่าความผิดพลาด แต่ก็ยืนยันว่าเทคนิคทารุณต่างๆนานา อย่างเช่นวิธีทรมานแบบสำลักน้ำ(waterboarding) ทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลข่าวกรองที่ช่วยทลายแผนโจมตีต่างๆ จับกุมพวกก่อการร้ายและปกป้องชีวิตผู้คน
รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งการให้สถานทูตและสถานที่ตลอดจนฐานทัพต่างๆ ของตนในทั่วโลก เตรียมพร้อมรับเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น หลังจากนางไดแอนน์ เฟนสเตน ประธานคณะกรรมาธิการวุฒิสภาประกาศจะเดินหน้าเผยแพร่รายงานดังกล่าว ถึงแม้จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พยายามกล่าวเตือนต่อวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอให้เลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากเกรงว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทั่วโลก
รายงานสรุปนี้คือการเผยแพร่รายละเอียดที่กว้างขวางที่สุดเกี่ยวกับวิธีสอบสวนทารุณของซีไอเอต่อผู้ต้องสงสัยอัลกออิดะห์ ถึงแม้เมื่อเดือนสิงหาคม ประธานาธิบดีโอบามาเคยออกมายอมรับว่า “เราเคยทรมานผู้ต้องสงสัยบางส่วน” ขณะที่เฟนสเตน บอกกับวุฒิสภาว่ามีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 119 คนที่เคยอยู่ภายใต้เทคนิคสอบสวนบีบบังคับ และในบางกรณีก็ถึงขั้นถูกทรมาน
ในรายงานฉบับนี้ครอบคลุมถึงสิ่งที่ซีไอเอปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่กองกำลังอเมริกันจับได้ระหว่างปี 2001-2009 ภายหลังเหตุการณ์ที่อัล-กออิดะห์ ได้ก่อวินาศกรรมทำลายอาคารเวิลด์เทรด เซนเตอร์ในนิวยอร์ก และอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในเหตุการณ์ 9/11
ผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นถูกบีบคั้นด้วยวิธีการอย่างเช่น การถูกจับมัดปิดตาและใช้น้ำกรอกปาก ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ, การให้อยู่ในท่าที่ไม่ปกติเป็นเวลานาน, การถูกสอบปากคำต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักนานหลายวัน และวิธีการทรมานอื่นๆ ในระหว่างถูกสอบสวนอยู่ในคุกลับตามประเทศพันธมิตรต่างๆ ของสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ตลอดจนที่คุกภายในฐานทัพอเมริกันในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา
รายงานดังกล่าวสรุปว่าการใช้เทคนิคสอบสวนของซีไอเอ ไม่ใช่วิธีการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องหรือได้รับความร่วมมือจากผู้ต้องขังแต่อย่างใด