เอเจนซีส์ - รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งการให้สถานทูตและสถานที่ตลอดจนฐานทัพต่างๆ ของตนในทั่วโลก เตรียมพร้อมรับเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนที่ในวันอังคาร (9 ธ.ค.) วุฒิสภาอเมริกันจะเผยแพร่รายงานว่าด้วยกระบวนการสอบสวนทารุณของซีไอเอ ซึ่งกระทำต่อผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกอัล-กออิดะห์ ภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001
ทำเนียบขาวยืนยันในวันจันทร์ (8) ว่า คงจะมีการเผยแพร่รายงานดังกล่าวในวันอังคาร (9) ถึงแม้จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พยายามกล่าวเตือนต่อวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอให้เลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทั่วโลก
แม้มีความพยายามอย่างมากในการเรียบเรียงกันใหม่ แต่คาดกันว่า รายงานฉบับนี้จะระบุความผิดพลาดของโครงการลับภายใต้คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ในการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวหลายสิบคน
นับจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2009 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา พยายามแยกห่างอเมริกาจากการกระทำในอดีต และสั่งห้ามเทคนิคการสอบสวนที่ใช้ความรุนแรง พร้อมประณามว่าเป็นการ “ทรมาน”
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ได้รับแจ้งจากคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาว่า จะเผยแพร่รายงานฉบับนี้ในวันอังคาร และเสริมว่า รัฐบาลได้สั่งการให้กองกำลังและสถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกยกระดับการรักษาความปลอดภัย ในกรณีที่รายงานฉบับนี้อาจปลุกกระแสความโกรธแค้น
เป็นที่เข้าใจกันว่า รายงานฉบับนี้ครอบคลุมถึงสิ่งที่ซีไอเอปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายราว 100 คนที่กองกำลังอเมริกันจับได้ระหว่างปี 2001-2009 ภายหลังเหตุการณ์ที่อัล-กออิดะห์ ได้ก่อวินาศกรรมทำลายอาคารเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก และอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในเหตุการณ์ 9/11
ผู้ต้องสงสัยเหล่านั้นถูกบีบคั้นด้วยวิธีการอย่างเช่น การถูกจับมัดปิดตาและใช้น้ำกรอกปาก ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ, การให้อยู่ในท่าที่ไม่ปกติเป็นเวลานาน, การถูกสอบปากคำต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักนานหลายวัน และวิธีการทรมานอื่นๆ ในระหว่างถูกสอบสวนอยู่ในคุกลับตามประเทศต่างๆ ของสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ตลอดจนที่คุกภายในฐานทัพอเมริกันในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา
อย่างไรก็ดี รายงานสรุปว่า การสอบสวนด้วยวิธีการเหล่านั้นไม่ได้นำมาซึ่งข่าวกรองที่ช่วยปกป้องชีวิตชาวอเมริกันแต่อย่างใด นอกจากนี้ ซีไอเอยังให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโครงการนี้กับทำเนียบขาว กระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมาธิการตรวจสอบของรัฐสภา
กระนั้น พวกที่ปกป้องซีไอเอยืนกรานว่า วิธีการเหล่านั้นช่วยปกป้องชีวิตคนอเมริกันด้วยการเปิดโปงเครือข่ายอัลกออิดะห์ ขณะที่ผู้คัดค้านระบุว่า เป็นพฤติการณ์ซึ่งละเมิดค่านิยมอเมริกัน อีกทั้งยังปลุกปั่นกระแสเกลียดคนอเมริกันด้วย
ผู้จัดเตรียมรายงานสรุปพิเศษ 480 หน้า จากรายงานฉบับเต็ม 6,200 หน้าฉบับนี้คือ คณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภา โดยประธานคณะกรรรมาธิการ วุฒิสมาชิกไดแอนน์ เฟนสไตน์ ถกเถียงกับคณะบริหารนานหลายเดือนเกี่ยวกับการเรียบเรียงรายงานฉบับนี้
การจัดเตรียมเพื่อเผยแพร่รายงานฉบับนี้ยังทำให้เกิดความร้าวลึกระหว่างหน่วยงานข่าวกรองกับรัฐสภาและเจ้าหน้าที่ในสภาสูง
เออร์เนสต์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คณะบริหารเปิดเผยข้อมูลลับในรายงานมากที่สุดเท่าที่ทำได้ และโอบามาเชื่อมั่นว่า ควรเปิดเผยรายงานเพื่อให้อเมริกันชนและคนทั่วโลกเข้าใจสิ่งที่นำออกมาเปิดเผยนี้อย่างแท้จริง ถึงแม้ควรจะต้องคำนึงถึงระยะเวลาอันเหมาะสมที่จะเปิดเผย
ด้านเฟนสไตน์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า เธอต้องการให้คนอเมริกันอ่านรายงานฉบับนี้เพื่อให้เข้าใจว่า “เมื่อทำผิด เรายอมรับและก้าวต่อไป”
ทว่า ไมค์ โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน มองต่างมุมว่า การเปิดเผยรายงานเป็นความคิดที่แย่มาก และว่า พันธมิตรหลายประเทศเตือนว่า รายงานดังกล่าวจะจุดชนวนความรุนแรงและการล้มตาย
ดิ๊ก เชนีย์ อดีตรองประธานาธิบดีสมัยบุช ออกมาปกป้องโครงการสอบปากคำของซีไอเอเช่นกัน โดยบอกผ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ว่า สิ่งที่ทำไปเป็นการดำเนินการที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วยให้อเมริกาปลอดภัยจากการถูกลอบโจมตีครั้งใหญ่ และปฏิเสธว่า ซีไอเอไม่ได้ปิดบังข้อมูลใดๆ และว่า โครงการดังกล่าวผ่านการตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรม