เอเอฟพี - คาราวานรถบรรทุกซากเที่ยวบิน MH17 ของสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ได้แล่นไปถึงเนเธอร์แลนด์ในวันนี้ (9 ธ.ค.) ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังฐานทัพอากาศดัตช์ เพื่อนำซากเครื่องบินลำนี้ไปประกอบเข้าใหม่อีกครั้ง
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์ “เอ็นโอเอส” เผยภาพขบวนรถบรรทุก 8 คันขนซากอากาศยานโดยสารวิ่งข้ามพรมแดนเยอรมนีเข้าเขตเนเธอร์แลนด์เมื่อคืนนี้ ก่อนจะบ่ายหน้าไปยังฐานทัพอากาศทางตอนใต้ของประเทศ พร้อมกับรถตำรวจที่คอยคุ้มกัน หลังช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้าผ่านพ้นไป
คณะกรรมการความปลอดภัยดัตช์ระบุว่า ขบวนรถบรรทุกขนซากเครื่องบินจากยูเครนจะเดินทางไปถึงฐานทัพอากาศกิลเซรีเจน ทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ในเวลาราว 13.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 20.00 น. ในเมืองไทย)
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สถูกยิงตก ขณะบินเหนือภาคตะวันออกของยูเครน ที่ถูกกบฏยึดครอง ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 298 คนเสียชีวิตยกลำ โดย 2 ใน 3 ของผู้โดยสารเป็นชาวเนเธอร์แลนด์
ยูเครน และบรรดาชาติตะวันตกต่างกล่าวหาว่า กลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซียที่กำลังเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธ ที่รัสเซียจัดหาให้ยิงอากาศยานลำนี้ตกลงมา ในขณะที่มอสโกและกลุ่มกบฏปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้ว่าเป็นฝีมือของยูเครน
เจ้าพนักงานเนเธอร์แลนด์เป็นผู้รับหน้าที่สืบหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อากาศยานลำนี้โหม่งโลก โดยพวกเขากำลังนำชิ้นส่วนของเครื่องบินมาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อตรวจสอบ
คณะกรรมการความปลอดภัยเนเธอร์แลนด์ระบุวานนี้ (8) ว่าขบวนรถได้แล่นออกจากยูเครนตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และในวันนี้ (9) จะเปิดโอกาสให้ญาติสนิทของผู้โดยสารที่เสียชีวิตเข้ามาดูซากเครื่องบินที่ฐานทัพ
คณะกรรมการระบุว่า “ซากอากาศยานลำนี้จะถูกส่งไปยังฐานทัพอากาศโดยไม่มีพิธีรีตอง และผู้ที่มารอดูจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา ขณะเปิดรถบรรทุก หรือเคลื่อนย้ายซากลงจากรถ”
ซากเครื่องบินเหล่านี้จะถูกถ่ายภาพและสแกน ก่อนจะถูกนำไปแยกประเภท แล้วประกอบเข้าด้วยกันอีกครั้งที่โรงซ่อมเครื่องบิน
เจ้าหน้าที่จะไม่เปิดโอกาสให้สาธารณชนเห็นขั้นตอนการประกอบเครื่องบิน แม้ว่าจะอนุญาตให้เฉพาะญาติสนิทของผู้โดยสารเข้าชมได้ตามความประสงค์
รายงานเบื้องต้นที่เปิดเผยออกมาเมื่อเดือนกันยายนชี้ว่า เครื่องบินลำนี้ “ถูกวัตถุพลังสูงจากนอกเครื่องบินหลายๆ ชิ้นทะลุผ่านจนโครงสร้างของเครื่องบินได้รับความเสียหาย และเกิดระเบิดกลางอากาศ”
จนถึงตอนนี้ ทีมพนักงานสืบสวนภายใต้การนำของเนเธอร์แลนด์สามารถระบุอัตลักษณ์ของศพได้แล้ว 292 ราย ในขณะที่อีก 6 รายยังพิสูจน์ไม่ได้ เนื่องจากภารกิจกู้ร่างผู้เสียชีวิตถูกสั่งระงับในช่วงฤดูหนาว