เอเจนซีส์ - หลังจากผลการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีอุรุกวัยรอบ2 ออกมาชี้ว่า ทาบาเร วาสเควซ (Tabare Vazquez )วัย 74 จากพรรครัฐบาลได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีครั้งที่ 2 ต่อจากประธานาธิบดีโฮเซ่ มูจิกา ทำให้มีความหวั่นเกรงในนโยบายกัญชาที่รัฐบาลของมูจิกาตั้งเป้าผลักดันให้อุรุกวัยเป็นประเทศแรกของโลกที่รัฐจะเป็นผู้กำกับการปลูกและจำหน่ายกัญชาเสรีที่กำหนดราคาขายแน่นอนเพื่อเป็นราคาที่ต่ำ หลังโพลสำรวจล่าสุดชี้พลเมืองอุรุกวัยคัดค้านแนวความคิดนี้ รวมถึงวาสเควซได้ประกาศในช่วงหาเสียง “ไม่สนับสนุนให้รัฐเป็นผู้ทำตลาดกัญชา”
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(1)ว่า แผนนโยบายกัญชาประชานิยมที่เสนอโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโฮเซ่ มูจิกา ที่ได้รับการผ่านเป็นกฎหมายในเดือนพฤษภาคม 2014 นั้นอยู่ในความเสี่ยงหลังจากผลการเลือกตั้งรอบ 2ประธานาธิบดีอุรุกวัยในวันอาทิตย์(30 พฤศจิกายน)ส่งให้ทาบาเร วาสเควซ (Tabare Vazquez )วัย 74 จากพรรครัฐบาลได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปีล่าสุด และจะเป็นผลทำให้รัฐบาลผสมเอียงซ้ายยังคงปกครองประเทศนี้ต่อไปหลังจากปกครองมาอย่างยาวนานอย่างน้อย 10 ปี
ชัยชนะของวาสเควซน่าจะทำให้นโยบายกัญชาประชานิยมน่าจะเกิดเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด แต่ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผลโพลล่าสุดชี้ประชาชนอุรุกวัยส่วนใหญ่ราว 60% ต่อต้านกฎหมายกัญชา นอกเหนือไปจากนี้ประชาชนอเมริกาใต้ต้องการให้ยกเลิกกฏหมายฉบับนี้ และวาสเควซที่ประกาศจะสานงานต่อยกเว้นในกรณีที่มีผลลบออกมา ทำให้ดูเหมือนนโยบายกัญชาของรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง
ในช่วงสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอุรุกวัยปี 2005-2010 วาสเควซดำเนินการแบบสายกลางอย่างระมัดระวัง และพยายามจะหลีกเลี่ยงการต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเมืองแบ่งขั้วที่จะนำอุรุกวัยไปสู่ความอลหม่านเหมือนเช่นในเวเนซูเอลา
วาสเควซที ที่เป็นอดีตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอก สามารถเอาชนะคู่แข่งลูอิส ลาคัลล์ ปู (Luis Lacalle Pou)ลูกชายอดีตประธานาธิบดีอุรุกวัย จากพรรคกลางขวา แนชันแนล ปาร์ตี ด้วยคะแนน 53% ต่อ 40%
ในช่วงการหาเสียง ว่าที่ประธานาธิบดีอุรุกวัยคนใหม่ได้กล่าวโจมตีนโยบายกัญชาประชานิยมของมูจิกา โดยกล่าวยืนยันหากได้รับเลือกเป็นผู้นำ เขาจะยกเลิกนโยบายที่จะให้รัฐบาลเป็นผู้จัดหาช่องทางจำหน่ายกัญชาเสียรวมไปถึงกำหนดราคาขายกัญชา แต่ยังอนุญาตให้ประชาชนปลูกได้
ทั้งมูจิกา อดีตผู้นำนักรบกองโจรที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้นำที่มีชีวิตแบบเรียบง่ายแต่มีวาจาที่ตรงไปตรงมา และวาสเควซต่างเป็นแนวร่วมกันในปีกขั้วการเมืองเอียงซ้ายภายใต้ชื่อ “Broad Front coalition” ผ่านกฎหมายการแต่งงานเพศเดียวกัน กฎหมายกัญชา รวมไปถึงกฏหมายยุติการตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ผู้นำอุรุกวัยคนใหม่ เคยผ่านกฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งในสมัยแรก มีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับเสรีกัญชาอย่างสิ้นเชิง และวิพากษ์ถึงการให้ร้านขายยาสามารถจำหน่ายกัญชาได้นั้น “เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ” รวมไปถึงปฎิญาณที่จะแก้กฎหมายหากได้รับเลือกตั้งเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดีอุรุกกวัย
เดลีเมลรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ภาครัฐอุรุกวัยยังคงอยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อมเปิดช่องทางจำหน่ายกัญชาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างหลังจากวาสเควซทีเข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ซึ่งในวันพุธ(29 พฤศจิกายน)ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการควบคุมยาแห่งชาติอุรุกวัยแถลงว่า สามารถเริ่มจำหน่ายกัญชาตามร้านขายยาได้ในเดือนมีนาคม 2015 ซึ่งช้ากว่าที่รัฐบาลมูจิกากำหนดที่ต้องการให้พร้อมจำหน่ายภายในสิ้นปี 2014
ตามกฎหมายกัญชาอุรุกวัย ประชาชนที่ลงทะเบียนกับภาครัฐสามารถปลูกกัญชาได้มาสุด 6 ต้น และผู้ซื้อที่ต้องลงทะเบียนกับระบบของรัฐบาลอุรุกวัยสามารถจัดซื้อกัญชาได้จำกัดคนละ 40กรัมต่อเดือนที่ร้านขายยา
นอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมว่า ตามกฎหมายกัญชาเสรีของอุรุกวัย ผู้เสพสามารถเลือกแหล่งกัญชาได้ ว่าจะมาจากร้านขายยา คลับกัญชา หรือกัญชาที่ได้รับอนุญาตปลูกตามบ้าน ซึ่งทั้งซื้อและจำหน่ายล้วนแต่ถูกกฎหมายทั้งสิ้น
และยังพบว่า จำนวนประชาชนอุรุกวัยที่ลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตปลูกกัญชาตามบ้านมีจำนวนเพิ่มถึง 1,200 ราย จาก 600 รายในเดือนที่ผ่านมา จากเกรงว่าขั้วการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะเข้ามาบริหารประเทศ และจะขัดขวางนโยบายกัญชาประชานิยมของมูจิกา
อุรุกวัยถือเป็นหนึ่งในประเทศแถบลาตินอเมริกาที่มีสังคมแบบเสรีนิยม และการเสพกัญชานั้นถูกกฎหมายตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งคาดกันว่ามีนักเสพถึง 150,000 คนในประเทศ