เอเจนซีส์ - รองนายกรัฐมนตรี เอวานเจโลส เวนิเซโลส ของกรีซ เผยในวันจันทร์ (1 ธ.ค.) โดยระบุ การเจรจาระหว่างรัฐบาลเอเธนส์ และบรรดาเจ้าหนี้เกี่ยวกับอนาคตของโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 เดือน หรืออาจต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 กว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ขณะที่กรีซกำลังดิ้นรนหาช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้รอบใหม่ หลังจากความช่วยเหลือที่ได้รับจากสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะสิ้นสุดลงในปีนี้
รองนายกรัฐมนตรีกรีซ แถลงที่กรุงเอเธนส์โดยระบุ การเจรจาในเรื่องดังกล่าวระหว่างกรีซ กับบรรดาเจ้าหนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนถึงวาระที่รัฐสภากรีซจะลงมติเลือประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ ท่ามกลางความกังวลของบรรดาเจ้าหนี้ ว่า อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในกรีซ ที่จะนำมาซึ่งการก้าวขึ้นครองอำนาจของบรรดานักการเมืองที่มีจุดยืนต่อต้านอียูและคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกรีซภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส เพิ่งประสบความล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในการบรรลุข้อตกลงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกับบรรดาเจ้าหนี้ 3 ฝ่าย หรือ “ทรอยกา” เกี่ยวกับอนาคตของแผนช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ และความล้มเหลวดังกล่าวถูกระบุว่าเกิดจากผลพวงของความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างฝ่ายเจ้าหนี้กับรัฐบาลเอเธนส์ในเรื่องการจัดทำแผนงบประมาณแบบ “เกือบสมดุล” ของกรีซในปีหน้า
ทั้งนี้ กรีซต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกลุ่มทรอยกาที่ประกอบด้วย อียู ไอเอ็มเอฟ และ อีซีบี มาแล้ว 2 ครั้งในเดือนพฤษภาคมปี 2010 และในปี 2012 ด้วยวงเงินช่วยเหลือ 110,000 ล้านยูโร และ 130,000 ล้านยูโรตามลำดับ
ขณะที่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรีซสามารถหวนคืนสู่ตลาดพันธบัตรระหว่างประเทศได้เป็นครั้งแรก ด้วยการออกพันธบัตรระยะเวลา 5 ปี ที่มีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านยูโร นอกจากนั้น เศรษฐกิจของกรีซยังสามารถกลับสู่การเติบโตในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้