เอเจนซีส์ - ผู้ว่าการฮ่องกงระบุในวันจันทร์ (1 ธ.ค.) ว่า การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยซึ่งย่างเข้าสู่เดือนที่ 3 เป็นสิ่งที่สูญเปล่าไร้ประโยชน์ หลังจากในคืนวันอาทิตย์ (30 พ.ย.) เกิดความรุนแรงอย่างเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งนับแต่มีการชุมนุมยืดเยื้อกันมา เมื่อพวกนักศึกษาซึ่งหวังที่จะยกระดับการต่อสู้ พยายามบุกเข้าสู่ศูนย์ราชการ และเกิดปะทะกับตำรวจซึ่งใช้สเปรย์พริกไทยและกระบองขัดขวาง โดยที่การต่อสู้ปะทุขึ้นเป็นระยะจนถึงเช้าวันจันทร์ ในอีกด้านหนึ่ง ทางการจีนออกคำแถลงยืนยันไม่อนุญาตให้คณะ ส.ส. อังกฤษ เดินทางสู่ฮ่องกง ย้ำห้ามต่างชาติ “แทรกแซง” กิจการภายใน
ขณะที่การประท้วงล่วงเข้าสู่เดือนที่ 3 และพวกผู้ชุมนุมที่เหลือจำนวนเรือนร้อยกำลังหงุดหงิดผิดหวังกันมากขึ้น เหลียง ชุนอิง ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ออกมาแถลงในวันจันทร์ด้วยน้ำเสียงแข็งขันที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตำรวจกำลังจะมีการปฏิบัติการเพิ่มเติมในไม่ช้านี้
เหลียงยังประกาศว่า การชุมนุมประท้วงซึ่งออกหน้าจัดขึ้นโดยกลุ่ม “ออกคิวพาย เซนทรัล” ทว่ากำลังที่แท้จริงเป็นพวกนักศึกษานั้น ไม่ได้เพียงแค่ผิดกฎหมาย แต่ยัง “สูญเปล่าไร้ประโยชน์” และสำทับว่า การประท้วงยืดเยื้อเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“ประชาชนเรียกร้องมากขึ้นให้ตำรวจเคลียร์พื้นที่ จากนี้ไปตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ลังเล” เหลียงกล่าวกับผู้สื่อข่าว
“บางคนมองความอดกลั้นของตำรวจว่าเป็นความอ่อนแอ แต่ผมขอเรียกร้องให้นักศึกษาที่คิดจะกลับไปชุมนุมอีกเปลี่ยนใจเสียใหม่” อย่างไรก็ดี เหลียงไม่ได้ตอบคำถามที่ว่า ตำรวจจะเข้าเคลียร์พื้นที่ชุมนุมในคืนวันจันทร์หรือไม่ โดยเวลานี้จุดชุมนุมของผู้ประท้วงเหลืออยู่ 2 จุด คือ ที่ย่านแอดมิราลตี ใกล้ๆ อาคารศูนย์ราชการ และที่ย่านคอสเวย์เบย์ แหล่งช็อปปิ้งสำคัญซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ โจว เลขาธิการสหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง กลับประกาศว่า การที่พวกผู้นำนักศึกษาตัดสินใจยกระดับการต่อสู้ และให้ยกกำลังเข้าล้อมศูนย์ราชการในคืนวันอาทิตย์นั้น ถือเป็นความสำเร็จ เนื่องจากทำให้สถานที่ดังกล่าวต้องปิดทำงานไปช่วงหนึ่งในวันจันทร์
ทั้งนี้ ที่ทำการรัฐบาลหลายแห่งต้องปิดทำการช่วงเช้าวันจันทร์เช่นเดียวกับสภานิติบัญญัติ หลังจากผู้ประท้วงแหวกวงล้อมตำรวจ และเข้ายึดถนนหน้าศูนย์ราชการเอาไว้เมื่อคืนวันอาทิตย์
ด้านเจ้าหน้าที่เผยว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สเปรย์พริกไทยและกระบองเพื่อผลักดันให้ผู้ชุมนุมถอยกลับ โดยสามารถจับกุมผู้ประท้วงได้ 40 คน ตำรวจบาดเจ็บ 11 นาย และประชาชนถูกนำส่งโรงพยาบาลทั้งสิ้น 37 คน
เช้าวันจันทร์ ผู้ประท้วงต้องยอมถอยร่นกลับไปยังจุดชุมนุมที่แอดมิราลตี ท่ามกลางความรู้สึกโกรธแค้น เหน็ดเหนื่อย และเคร่งเครียด บางคนพยายามฟ้องผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจเข้าทุบตีผู้ประท้วงโดยไร้เหตุผล บ้างสงสัยที่แกนนำสั่งเคลื่อนเข้ายึดศูนย์ราชการ เนื่องจากผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะกับตำรวจ และกำลังก็ไม่เพียงพอ หลายคนสรุปว่า แกนนำนักศึกษาไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน
การประท้วงยืดเยื้อครั้งนี้ เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กันยายน ด้วยการยึดถนนใหญ่ใน 3 ย่านสำคัญของฮ่องกง เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งผู้นำอย่างเสรีในปี 2017 ทว่าปักกิ่งยืนกรานให้มีคณะกรรมการชุดหนึ่งทำหน้าที่คัดกรองผู้สมควรให้ลงสมัครชั้นหนึ่งก่อน
ในช่วงสัปดาห์แรกของการประท้วง มีประชาชนเข้าร่วมสูงสุดนับหมื่นคน แต่สำหรับขณะนี้ แรงสนับสนุนแผ่วลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเนื่องจากผู้นำการเคลื่อนไหวไม่สามารถรักษาแนวร่วมไว้ได้ ในทางกลับกันการต่อต้านการประท้วงกลับทวีกำลังมากขึ้น เนื่องจากประชาชนไม่พอใจกับความยุ่งยากวุ่นวายในการเดินทาง ขณะที่ผู้ทำมาหากินและห้างร้านต่างๆ ได้รับผลกระทบถ้วนหน้า
วันจันทร์ สำนักงานสำมะโนประชากรและสถิติของฮ่องกงแถลงว่า ยอดค้าปลีกโดยรวมในเดือนตุลาคม ยกเว้นสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงอยู่ต่อไป อันเนื่องมาจากผลกระทบของการประท้วงที่มีต่อการบริโภคของประชาชนและนักท่องเที่ยว
วันเดียวกัน จอห์น จาง รัฐมนตรีการเงินของฮ่องกงระบุว่า มีความเสี่ยงที่การเติบโตในปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ 2.2%
ในอีกด้านหนึ่ง หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงที่ปักกิ่ง โดยย้ำเตือนอีกครั้งว่า สถานการณ์ในฮ่องกงถือเป็นกิจการภายในของจีน และยืนกรานว่า ต่างชาติไม่มีสิทธิแทรกแซง อีกทั้งจีนมีสิทธิเลือกว่า จะยอมให้ใครเดินทางเข้าสู่ฮ่องกงได้
หวาเสริมว่า ความพยายามของคณะผู้แทนราษฎรอังกฤษในการเดินทางสู่ฮ่องกง ถือเป็น “การเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย” และไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน - อังกฤษ
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ริชาร์ด ออตตาเวย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ก็ได้ใช้วลีเดียวกันนี้คือ “รัฐบาลจีนดำเนินการอันถือเป็นการเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยในการปฏิเสธไม่ให้เราเดินทางเข้าฮ่องกงเพื่อปฏิบัติหน้าที่”
คณะกรรมาธิการชุดนี้ทำหน้าที่ตรวจสอบผลงานของกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ และกำลังตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับฮ่องกงซึ่งเคยเป็นอดีตอาณานิคมของตนก่อนจะส่งมอบคืนให้แก่จีนในปี 1997 ดังนั้น จึงประสงค์ที่จะเดินทางเยือนฮ่องกงในเดือนนี้ แต่กลับถูกสถานเอกอัครราชทูตจีนในลอนดอนปฏิเสธ
หวาทิ้งท้ายว่า จีนย้ำกับอังกฤษหลายครั้งว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ จะมาตรวจสอบความสัมพันธ์กับดินแดนที่อยู่ในอธิปไตยของแดนมังกร