เอพี - เจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของรัสเซียชี้การประท้วงคำตัดสินของคณะลูกขุนสหรัฐฯที่ไม่สั่งฟ้องตำรวจผิวขาว กรณียิงวัยรุ่นผิวสีที่ปราศจากอาวุธเสียชีวิตในเมืองเฟอร์กูสัน สะท้อนถึงการเลือกปฏิบัติอย่างรนแรงในอเมริกา ที่อาจท้าทายเสถียรภาพของมหาอำนาจแห่งนี้
ความคิดเห็นของนายคอนสแตนติน ดอลกอฟ ทูตด้านสิทธิมนุษยชนของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ออกมากรีดสหรัฐฯบาดลึกที่สุด ในขณะที่ภาพเหตุการณ์การประท้วงรุนแรงในเมืองเฟอร์กูสัน ถูกกระจายข่าวอย่างครึกโครมไปทั่วโลก และสำหรับมอสโกแล้ว ดูเหมือนเหตุจลาจลครั้งนี้ถือว่าโอกาสอันดีที่จะเอาคืนอเมริกา ในประเด็นด้านประวัติทางสิทธิมนุษยชน
“ในขณะที่พวกเขาเรียกร้องประเทศอื่นๆ รับประกันเสรีภาพในการแสดงออก และอดทนอดกลั้นต่อผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกลับใช้มาตรการที่หนักหน่วงกับพวกที่เคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจต่อความไม่เท่าเทียมที่เรื้อรังมานาน การเลือกปฏิบัติและสถานะพลเมืองชั้น 2 ที่มีอยู่จริง” เขากล่าว
เจ้าหน้าที่จากชาติอื่นๆ ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหวนี้ ในนั้นรวมถึงจีน ดินแดนซึ่งรัฐไม่ยินดีให้ตรวจสอบเหตุใช้กำลังของตำรวจ โดยสื่อมวลชนแห่งรัฐของแดนมังกรมีการรายงานคำพิพากษาคดีเฟอร์กูสันเป็นข่าวใหญ่เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงทัศนะต่อเรื่องดังกล่าว และยังจำกัดการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ด้วย
กลุ่มควันลอยพวยพุ่งออกจากอาคารหลายแห่งที่ถูกเปลวไฟโหมกระหน่ำช่วงกลางดึกของวันจันทร์ (24 พ.ย.) และทางเท้าเต็มไปด้วยเศษแก้วกระจัดกระจายในเมืองเฟอร์กูสัน มลรัฐมิสซูรี หลังจากคณะลูกขุนไม่สั่งฟ้องตำรวจผิวขาว กรณียิงวัยรุ่นผิวสีวัย 18 ปีที่ปราศจากอาวุธเสียชีวิตเมื่อ 3 เดือนก่อน
ในตอนเช้าวันอังคาร (25 พ.ย.) หน่วยดับเพลิงยังต้องฉีดน้ำเข้าใส่ซากแหล่งธุรกิจการค้าบางแห่งที่อยู่ในสภาพไหม้เกรียม และมีอาคารอย่างน้อย 1 หลังที่เพลิงยังคงลุกไหม้อยู่ ส่วนร้านค้าบางร้านที่ไม่ได้ถูกวางเพลิงก็มีสภาพกระจกหน้าร้านแตกกระจัดกระจาย อย่างไรก็ตาม บนท้องถนนย่านชานเมืองเซนต์หลุยส์ได้รับการเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดแล้ว
ความเสียหายจากเหตุจลาจลเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ (24 พ.ย.) ดูเหมือนจะเลวร้ายกว่าการประท้วงรุนแรงหลังเกิดคดีเมื่อเดือนสิงหาคม ด้วยมีแหล่งธุรกิจหลายสิบแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนักหรือถึงขั้นพังยับเยิน ขณะที่เจ้าหน้าที่รายงานว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายร้อยนัด ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางความพยายามเข้าควบคุมไฟของหน่วยดับเพลิง
โฆษกตำรวจเซนต์หลุยส์ เคาน์ตี บอกว่าสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุความวุ่นวายในเฟอร์กูสันเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ 61 คน ส่วนฟรานซิส สเลย์ นายกเทศมนตรีเซนต์หลุยส์บอกว่ามีผู้ประท้วง 21 คนถูกจับกุมในเมือง หลังผู้ชุมนุมบางส่วนก่อความวุ่นวายด้วยการทุบกระจกร้านค้าต่างๆ ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่อย่างน้อย 14 คน
เหตุความสงบครั้งนี้ส่งผลให้เขตต่างๆในพื้นที่เฟอร์กูสัน สั่งงดการเรียนการสอนด้วยความกังวลต่อความปลอดภัยของเด็กๆ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาและครอบครัวของไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต เหยื่อในคดีร้อนนี้ เรียกร้องให้ฝูงชนอยู่ในความสงบ
ทั้งนี้ในวันอังคาร (25 พ.ย.) ดาร์เรน วิลสัน นายตำรวจวัย 28 ปี ที่ยิงใส่ บราวน์ วัย 18 ปี ระหว่างเผชิญหน้ากันเมื่อเดือนสิงหาคม ได้ออกถ้อยแถลงผ่านทนายความ แสดงความขอบคุณทุกคนให้การสนับสนุนเขาและครอบครัวมาโดยตลอด นับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผิดกับทนายความของครอบครัวของนายบราวน์ ที่ตำหนิกระบวนการที่ปราศจากความยุติธรรม เป็นผลให้นายตำรวจผู้ก่อเหตุพ้นผิด